รีวิวซีรี่ย์ Beyond Evil
นาทีนี้ถ้าให้พูดถึงซีรีส์สายสืบสวนสอบสวน ปั่นประสาท แห่งปี 2021 ล่ะก็ คงต้องยกให้ ‘Beyond Evil’ ซีรีส์คุณภาพอัดแน่นจากช่อง JTBC ที่เรียกได้ว่ามาแรงแซงทางโค้งสุด ๆ เพราะเป็นซีรีส์ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลถึง 7 สาขา จากเวทีการประกาศรางวัลสุดยิ่งใหญ่ของวงการบันเทิงเกาหลีอย่าง 57th Baeksang Arts Awards ดูหนัง
ไม่ว่าจะเป็น รางวัลซีรีส์ยอดเยี่ยม, รางวัลกำกับซีรีส์ยอดเยี่ยม, รางวัลบทละครยอดเยี่ยม, รางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยม,รางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม, รางวัลนักแสดงหน้าใหม่หญิงยอดเยี่ยม และ รางวัลเทคนิคศิลป์ยอดเยี่ยม จนหลายคนอาจจะสงสัยว่าซีรีส์เรื่องนี้มีดีอย่างไร มันจะปังสักแค่ไหน ซึ่งเอาเป็นว่าสำหรับใครที่ยังสงสัยอยู่ล่ะก็ มาค้นหาคำตอบกันได้ที่บทความนี้เลย ดูหนังออนไลน์
‘Beyond Evil’ เป็นซีรีส์แนวระทึกขวัญ-จิตวิทยา-สืบสวนสอบสวน ที่เล่าเรื่องราวซึ่งเกิดขึ้นใน ‘มันยาง’ เมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ที่กำลังมีแผนจะพัฒนาและสร้างการจดจำครั้งใหม่ให้เป็นเมืองศิวิไลซ์ปลอดอาชญากรรม แต่ทว่าความฝันครั้งใหม่นี้ดันไม่ได้สำเร็จง่าย ๆ อย่างที่คิด เมื่อเกิดเหตุฆาตกรรมต่อเนื่องอันน่าสะพรึงขึ้น ดูหนัง 4k
หลังพบศพของหญิงสาวหลายคนถูกฆาตกรรมอย่างไร้ความปรานี ที่ดูท่าแล้วมีลักษณะคล้ายคลึงกับคดีคนหายคดีหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นในเมืองแห่งนี้เมื่อ 20 ปีก่อน อันเป็นที่โจษจันไปทั่วประเทศ เพราะพี่ชายฝาแฝดของเหยื่อผู้หายสาบสูญ อย่าง อีดงชิก (รับบทโดย ชินฮาคยูน) นายตำรวจสุดบ้าบิ่นฝีมือดี กลับเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งเสียได้ งานนี้สารรวัตรหนุ่มไฟแรง ฮันจูวอน (รับบทโดย ยอจินกู) ที่เพิ่งย้ายมาประจำการในเมืองมันยาง จึงกลายเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่จะมาช่วยค้นหาปีศาจร้ายตัวจริงที่แฝงอยู่ ดูหนังออนไลน์ 4k
สำหรับเนื้อหาของ Beyond Evil นั้น หลัก ๆ จะอยู่ที่การหาตัวอาชญากรใจเหี้ยม ผู้สร้างความหวาดหวั่นให้กับประชาชนชาวเกาหลีใต้ และแน่นอนว่าผู้ที่หวาดวิตกกว่าใคร ๆ คงหนีไม่พ้นผู้คนในเมืองมันยาง ซึ่งตัวคดีจะแบ่งออกเป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่องในปัจจุบัน และคดีคนหายในอดีตที่เหยื่อคือ อียูยอน น้องสาวของ อีดงชิก ซึ่งรูปคดีโหดเหล่านี้ถูกก่อขึ้นอย่างแนบเนียน แทบจะไร้เบาะแสที่จะยึดโยงไปหาคนร้าย แม้แต่ร่างของเหยื่อยังหายไปอย่างไร้ร่องรอย เหลือเพียงนิ้วสิบนิ้วที่ถูกตัดและจัดวางไว้อย่างน่าสะพรึงกลัว รีวิวซีรี่ย์
แต่ไม่เพียงแต่เท่านั้น เพราะนอกจากการตามล่าหาตัวฆาตกร ที่พบเห็นได้ตามซีรีส์สืบสวนส่วนใหญ่แล้ว Beyond Evil ยังสะท้อนและวิพากษ์วิจารณ์การใช้อำนาจในระบบราชการของตำรวจอย่างชัดเจน ทั้งการสืบสวนแบบจับผิดบ้างจับถูกบ้าง การรีบสรุปรูปคดี การล่อซื้อที่ทำให้เหยื่อถึงแก่ความตาย
อีกทั้งตลอดทั้งเรื่องจะเห็นได้ว่าตัวละครที่เป็นตำรวจแทบจะทุกตัวในเรื่องนี้ต่างทำผิดกฎหมายไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ผ่านการใช้ช่องว่างของกฎและอำนาจที่มีอยู่ในมือเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ แถมในเรื่องยังชี้ว่าผู้ต้องสงสัยก็วนเวียนอยู่ในแวดวงตำรวจเสียเอง แล้วแบบนี้จะเป็นอย่างไรหากผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ กลับไม่ได้พิทักษ์ความสันติอย่างที่ว่ากัน?
อีกทั้งตัวซีรีส์ยังสะท้อนถึงการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบของนักการเมืองท้องถิ่น และกลุ่มนายทุนผู้มีอำนาจ ที่น่าหวาดกลัวไม่ต่างจากคนร้าย ความน่าหวาดหวั่นชวนหดหู่จึงกลับไม่ได้ลอยฟุ้งอยู่เพียงเพราะศพที่หาย หรือนิ้วขาด ๆ ชวนสะอิดสะเอียน แต่ท้ายที่สุดแล้ว ซีรีส์ก็ชวนให้เราเกิดการตั้งคำถามว่า แล้วใครกันแน่ที่เทำให้เมืองเตลิดไปด้วยความหดหู่?ใครกันแน่ที่เป็นปีศาจ?
ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ทำให้เรื่องนี้มีเสน่ห์อย่างมากคือลำดับการเล่าเรื่องที่วางได้อย่างน่าติดตาม และฉาก ending ที่ตราตรึงในทุกตอน โดยในช่วงองก์แรกของซีรีส์จะเน้นในเรื่องของการตามล่าหาคนร้ายในชุมชนชาวมันยาง ที่ทำเอาผู้ชมสับสน เปลี่ยนการคาดเดาผู้ต้องสงสัยกันแบบตอนต่อตอน พลิกแล้วพลิกอีก แม้แต่ตัวเอกก็ไว้ใจไม่ได้ และยิ่งถลำลึกยิ่งมีแต่เรื่องเซอร์ไพรส์ที่ทำเอาดูจบต้องตบเข่าฉาดกับความคาดไม่ถึง
แต่ยิ่งไปเรื่อย ๆ ปมบางอย่างก็เริ่มคลี่คลาย แต่ไม่นาน ก็มีปมใหม่เข้ามาให้ได้ปวดหัวกัน ซึ่งความสนุกของเรื่องก็ไม่ได้น้อยลงเลย แม้ว่าจำนวนตอนจะมากขึ้น เพราะการร้อยเรียงและลำดับการตัดต่อที่มีลูกล่อลูกชนและทำได้อยู่มือ ช่วงองก์หลังของซีรีส์จึงถูกทำให้น่าติดตามด้วยการรชักชวนให้ผู้ชมเกิดความสนใจว่า ถ้าเป็นคนนี้แล้ว จะเกิดอะไรขึ้นต่อ? แล้วอีดงชิก ฮันจูวอนจะรับมืออย่างไร? พวกเขาจะทำอะไร? คดีและซีรีส์เรื่องนี้จะไปก้าวไปสู่จุดจบแบบใด?.
โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนสุดท้ายนั้นมีความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันทั้งหมด ซึ่งซีรีส์จะค่อย ๆ เผยถึงที่มาที่ไปของข้อสงสัยที่ถูกหยิบยกมา แต่กว่าจะไปถึงจุดสิ้นสุดของสิ่งที่เกิดขึ้น เหล่าตัวละครต้องขับเคี่ยวกันด้วยการเล่นแง่แหย่เชิงกันอยู่ยกใหญ่ ชนิดที่ว่าไม่มีใครยอมใคร งัดกึ๋นมาโต้กันแบบเอาตาย บทสนทนาระหว่างตัวละครในเรื่องนี้จึงเต็มไปด้วยคารมและคมคาย เล่นกับจิตวิยาอารมณ์ความรู้สึก รวมถึงเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการดำเนินเรื่องที่ทำให้ต้องกลับมาคิดตีความต่อ
ที่ผู้เขียนชอบอีกอย่างสำหรับซีรีส์เรื่องนี้นั่นก็คือความสัมพันธ์ของผู้คนในชุมชนมันยาง ที่มีต่อกันหลากหลายรูปแบบ ซึ่งทำให้รู้สึกน่าอบอุ่นอยู่ในที และก็น่าขนลุกอยู่ในทีไปพร้อม ๆ กัน แถมแต่ละคนต่างก็มีบทบาทไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันมากนัก การกระทำของแต่ละตัวละครต่างยึดโยงและมีบทบาทต่อเรื่องที่จะสร้างจุดเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ได้ทั้งสิ้น ทำให้แต่ละตัวคนในเรื่องนี้นั้นน่าจดจำไม่ต่างกัน
ในส่วนของโปรดักชั่น อาร์ตไดเรกชั่นของ Beyond Evil ก็เรียกได้ว่าน้อยแต่มาก เรียบแต่โก้ อาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่อลังการเมื่อเทียบกับซีรีส์ที่ฉายในล็อตเดียวกัน แต่ทำออกมาได้ดีใน genre ของตัวเอง ทั้งโทนสี โลเคชั่น มุมภาพที่ชวนสงสัย และสกอร์เสียงเพลงที่ผู้เขียนขอออกความเห็นตรงนี้ว่าซีรีส์เรื่องนี้ใช้สกอร์ เพลงประกอบในการเล่าเรื่อง บีบคั้นอารมณ์ได้ถูกจังหวะจะโคนดีมาก ๆ พูดได้คำเดียวว่า ‘ทำสกอร์ได้โคตรเท่’
และที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยนั่นก็คือ การแสดงขั้นเทพจากเหล่าทีมนักแสดงมากความสามารถ ที่ทำให้ตัวละครทุกตัวดูมีชีวิตและมีเสน่ห์ในแบบของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการแสดงชั้นครู สมเกียรติกับการถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำชายแพคซัง ของ ชินฮาคยูน ที่สวมบท อีดงชิก ได้อย่างบ้าดีเดือด ทั้งดูจิต ๆ หลอน ๆ แต่ก็มีความเศร้าหมอง
มีความอบอุ่นอยู่ในคนเดียวกัน หรือ ยอจินกู ที่แสดงเป็น สารวัตรฮันจูวอน ด้วยแววตา น้ำเสียง สีหน้าที่สามารถฟาดฟันกับนักแสดงรุ่นพี่ได้แบบไม่น้อยหน้าเลยทีเดียว ซึ่งนอกจากนักแสดงหลักแล้วเหล่านักแสดงสมทบก็ทำได้ยอดเยี่ยมไม่ต่างกันทุก ๆ คน จนแอบลุ้นว่าเหล่านักแสดงจากเรื่องนี้ คงคว้ารางวัลจากเวทีประกาศรางวัลใหญ่ ๆ ในปี 2021 นี้กันมาบ้าง
ท้ายที่สุดแล้ว หากถามว่ามีจุดที่น่าเสียดายของเรื่องนี้ไหม ส่วนตัวผู้เขียนคงปฏิเสธไม่ได้ว่ามีบ้างเล็กน้อย แต่หลังจากที่ได้รับชมจนมาถึงช่วงสุดท้ายของซีรีส์ ผู้เขียนต้องขอบอกเลยว่านี่เป็นผลงานซีรีส์แนวทริลเลอร์จิตวิทยาของเกาหลีใต้ที่ทำออกมาได้เข้มข้น ปราณีต มีชั้นเชิงดีงามมาก ๆ อีกเรื่องหนึ่ง จนไต่เต้ามาเป็นซีรีส์แนวสืบสวนอันดับต้น ๆ ในใจของผู้เขียนได้อย่างไม่ยาก
สืบเนื่องมาจากการสนทนาในวันหนึ่งกับท่านผู้อ่านถึงงานซีรีส์เกาหลีที่เข้าชิงรางวัล แพ็คซัง อาร์ตส์อวอร์ดส์ (2021) ซึ่งเป็นรางวัลประกาศความยอดเยี่ยมของวงการบันเทิงบ้านเขา ซึ่งในการสนทนานั้นมีคำถามที่ว่าผู้เขียนเองชื่นชอบ เชียร์ และคาดว่าเรื่องไหนจะคว้ามงกุฎทองฝังเพชรไปครอง แต่ตอนนั้นเองผู้เขียนกลับให้คำตอบไม่ได้
จากนั้นก็มาได้ชม My Unfamiliar Family ที่เป็นหนึ่งในห้าผู้ท้าชิง แต่ที่ยังให้คำตอบไม่ได้ว่าชอบ ชื่นชม หรือเชียร์เรื่องไหนเป็นพิเศษ เป็นเพราะยังไม่ได้พิสูจน์ให้ครบทุกเรื่อง ครั้นจะตอบแบบฟันธงไปเลยก็กระไรอยู่ จึงได้ติดค้างคำตอบไว้เพื่อขอมาพิสูจน์ดูว่าห้าเรื่องที่ว่านั้นมีดีที่จุดไหนจนทำให้เป็นห้าอรหันต์ทองคำ
จึงเป็นที่มาของปณิธานอันแรงกล้าในการชมซีรีส์ให้ครบทั้งห้าเรื่องที่เข้าชิง ซึ่ง หลังจากที่ได้ชมครบก่อนวันประกาศผลในวันที่ 13 พ.ค. 2021 ที่ผ่านมา ส่วนตัวแล้วผู้เขียนคาดว่าน่าจะเป็น My Unfamiliar Family ที่ต้องยอมรับว่าเป็นแนวที่ผู้เขียนถนัดและชมชอบเป็นพิเศษ เรื่องนั้นก็มีความยอดเยี่ยมในแนวดราม่าที่จัดจ้าน
แต่เมื่อผลรางวัลในวันนั้นได้ประกาศออกมาปรากฎว่าผู้เขียนก็หน้าแหกไป เพราะผู้พิชิตรางวัลซีรีส์ยอดเยี่ยมกลายเป็นงานแนวสืบสวนเชิงจิตวิททยาสุดเข้มที่พาอารมณ์ดิ่งลึก ที่ผู้เขียนได้ดูมาตั้งแต่ตอนที่อยู่ในแอป viu ตอนนั้นแล้ว และงานซีรีส์เรื่องนี้คงบอกเลยว่าเกินกว่าคำว่ายอดเยี่ยม แม้จะไม่สมใจผู้เขียนในเรื่องของรางวัลแต่ก็ถือว่าคู่ควร
เรื่องเกิดขึ้นที่ชุมชนเล็กๆที่ชื่อว่ามันยาง ชุมชนที่ผู้คนแทบจะรู้จักกันหมด เรื่องราวที่ซับซ้อนนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2000 เมื่อมีการพบศพหญิงสาวถูกฆาตกรรมแล้วทิ้งไว้กลางทุ่งอ้อที่เปลี่ยวร้างและศพได้ถูกตัดปลายนิ้วทั้งสิบนิ้วออกไป อีกทางหนึ่งก็มีอีกหนึ่งหญิงสาวที่หายไปคืออียูยอง (มุนจียอน) และที่น่าสะพรึงกว่าคือปลายนิ้วทั้งสิบของเธอถูกวางไว้หน้าบ้านตอนเช้าตรู่ และด้วยหลักฐานบางอย่างทำให้ผู้ต้องสงสัยในคดีสะเทือนขวัญคนทั้งเมืองนี้คือพี่ชายฝาแฝดของอียูยองคืออีดงชิก (อีโดฮยอน)
ยี่สิบปีให้หลังอีดงชิก (ชินฮาคยุน)กลายมาเป็นตำรวจในสถานีตำรวจย่อยมันยาง และการมาของตำรวจหนุ่มไฟแรงอย่างสารวัตรฮันจูวอน (ยอจินกู)ก็ทำให้ทั้งเมืองต้องสั่นสะเทือนรวมถึงอีดงชิก เมื่อเรื่องเปิดหน้าท้าดวลเลยว่าฮันจูวอนสงสัยว่าคดีที่เกิดขึ้นในมันยางเมื่อยี่สิบปีก่อนนั้น อีดงชิกก็คือฆาตกรที่หลุดพ้นจากกระบวนการยุติธรรมหรือไม่
ถ้านั่นยังไม่พอเรื่องยังพาให้เห็นความน่าสงสัยของคนทั้งสองคนแต่หนักไปทางอีดงชิกมากกว่า กระทั่งเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นกับคนใกล้ตัวอีดงชิกอีกครั้ง เมื่อเด็กสาวที่เขารักไม่ต่างจากลูกหายไปพบเพียงปลายนิ้วสิบนิ้ววางอยู่หน้าบ้านของเหยื่อ แน่นอนว่าเบาะแสทุกทางมุ่งตรงไปยังอีดงชิกชายผู้ถูกประณามหยามเหยียดว่าเป็นฆาตกร
เป็นคนฆ่าน้องสาวตัวเองมาตลอด ชายผู้ต้องทุกข์ทรมานมานานกว่ายี่สิบปี แล้วคดีการหายไปของหญิงสาวนางหนึ่งก็ได้เป็นไม้ขีดไฟที่ถูกจุดให้เริ่มมองเห็นความเกี่ยวพันกันระหว่างปัจจุบันกับอดีต เมื่อเรื่องราวที่พัวพันกันเป็นร่างแหมันก็ต้องแก้ เมื่อแก้ไม่ได้ก็ใช้กรรไกรตัดมันเลย
รีวิวซีรี่ย์ Beyond Evil
ด้วยบทที่ไม่มีจุดบอดหรือรูโหว่ บทที่มอบอารมณ์ของปลาที่ฮุบเหยื่อตัวเดิมของนักตกปลาคนเดิม โดยไม่ได้ฉุกคิดว่านั่นคือการเล่นกับสมองของเจ้าปลา ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ผู้ชมมักจะได้เห็นจากงานซีรีส์สืบสวนที่ขายความซับซ้อนซ่อนเงื่อนที่เป็นซีรีส์ขนาดยาว นั่นคือพลังที่อาจจะไม่แรงไปได้ตลอดทาง หรือมีบ้างที่เผยปมแรกหรือสองแล้วพลังตกแต่ไม่ใช่กับเรื่องนี้
อารมณ์แรกคือความเห็นใจสงสารและเชื่อมั่น แต่บทก็ยังนำพาความน่ากังขามาประเคนให้อยู่เรื่อยจนแม้จะเชื่อใจแต่ก็รู้สึกบางอย่างติดอยู่ ถ้านั่นยังไม่พอความน่าสงสัยนั้นก็ยังจัดเต็มด้วยความที่มองหน้าใครก็น่าสงสัยไปหมด มอบความรู้สึกไว้ใจใครไม่ได้แม้แต่คนเดียว และมันคือการชี้นำให้คิดและคาดเดา
แล้วเมื่อถึงเวลาก็ให้รางวัลกับผู้ชมได้ แต่รางวัลนั้นก็เหมือนกับเหยื่อตกปลาที่สวยงามที่ติดกับปลายเบ็ด และปลาที่เรียกว่าอารมณ์และสมองของผู้ชมก็ฮุบเหยื่อเข้าเต็มเปาหวังลิ้มรสชาติอันโอชะ เพื่อที่จะรู้ว่าสิ่งที่อยู่ในปากมันกลืนไม่ได้คายไม่ออก มันคือเหยื่อปลอมที่นักตกปลาจัดให้
แล้วยังไม่หนำใจนักตกปลาก็ปล่อยปลาลงน้ำ เพื่อที่จะใช้เหยื่อตัวเดิมขว้างลงน้ำอีกครั้ง แล้วปลาตัวเดิมก็ยังฮุบเหยื่อตัวเดิมตัวนั้นอีกเช่นเดิม และมันเป็นเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้สิ่งที่ตามมาคือพลังที่แรงดีไม่มีตก จนกระทั่งปมแรกผ่านไปจากการคลี่คลายคดีแรกและเฉลยตัวฆาตกร
ซึ่งโดยปกติทั่วไปเรื่องมันจะดร็อปลงแต่ไม่ใช่กับเรื่องนี้ เพราะหลังจากนั้นอย่างที่บอกว่ามันคือการจุดไม้ขีดไฟเล็กๆหนึ่งก้านเท่านั้น ก่อนที่ไฟเล็กๆจากไม้ขีดจะไปจุดเชื้อไฟไห้ลุกลามเผาผลาญทุกสิ่งกลายเป็นเล่นใหญ่ และไปถึงจุดตัดกันเรื่องของความผูกพันและความจริงได้อย่างแนบเนียน เนียนจนกระทั่งผู้ชมแทบไม่รู้สึกว่ามันได้ถูกฝังไว้ให้ผู้ชมซึมซับได้โดยไม่รู้ตัว
จนเมื่อถึงจุดหนึ่งสมองผู้ชมอีกเช่นเคยที่จะคิดย้อนไปถึงความสัมพันธ์ที่มีพัฒนาการเรื่อยๆ ซึ่งความจริงเรื่องแบบนี้ที่เป็นเรื่องคดีฆาตกรรมแล้วพัวพันกันกับผู้เล่นเบอร์ใหญ่ๆแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรแต่ความต่างคือรายละเอียดข้างใน ซึ่งด้วยเรื่องหลักนั้นความจริงไม่เกินคาดเดา เพราะไม่ว่ายังไงผู้ร้ายก็ต้องได้รับผลกรรมของตนเอง
เพียงแต่รายละเอียดที่วางไว้จะพาผู้ชมให้เร้าใจ อับจนหนทาง และสงสัยว่า ฝ่ายดีจะเล่นงานคนร้ายได้ยังไง วิธีไหน ซึ่งบางทีเหมือนกับว่าบทจะบอกอะไรบางอย่างกับผู้ชมว่า ฆาตกรโรคจิตแม้จะโหดเหี้ยมแต่นั่นอาจเป็นเพราะความโรคจิตหรืออาการป่วย แต่คนธรรมดาที่ใช้อำนาจ อิทธิพล เพื่อบิดเบือนความยุติธรรมนั้นอาจบางทีก็น่ากลัวกล่าฆาตกรโรคจิตเสียอีก
การันตีด้วยรางวัลบทละครยอดเยี่ยม เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่เล่นเรื่องมิติทางอารมณ์ที่แรงมาก โดยเฉพาะเรื่องความมิติเชิงความสัมพันธ์ของตัวละคร และมันมีผลกับน้ำหนักหรือการตัดสินใจกระทำการบางอย่างของตัวละคร แต่ที่เจ๋งคือการปล่อยมันเป็นไปตามธรรมชาติด้วยการฝังไว้ข้างในอารมณ์ที่น่าสงสัยไปทั่วทุกคนอย่างแนบเนีย
เพราะท่านที่ชมเรื่องนี้แล้วท่านปฏิเสธลงหรือไม่ว่า ความสงสัยผุดขึ้นมาเต็มสมอง การคาดเดามาเต็มที่ว่าเรื่องที่ผ่านเข้ามาตอนนี้จะมีทางออกเช่นไร แต่สุดท้ายก็กลายเป็นเหวอไปเพราะเรื่องขยันทิ้งเชื้อด้วยความสงสัยให้ปะทะกับความเชื่อมั่นบางอย่างและก็ใช้อารมณ์นี้มาซ่อนเร้นเรื่องความความผูกพันและมิติทางความสัมพันธ์ของตัวละครฮันจูวอนกับอีดงชิก
ที่ความจริงมีพัฒนาการสูงมากแต่ถูกแฝงไว้เพื่อเป็นตัวแปรในตอนท้าย ซึ่งคงต้องยกเครดิตให้เป็นความชาญฉลาดที่น่าชื่นชม เพราะความจริงเมื่อลองมานึกย้อนดูเรื่องความผูกพันกับคนรอบตัวนั้น มันได้ถูกเสนออย่างเข้มแข็งตั้งแต่ต้นแล้ว เพียงแต่สมองผู้ชมถูกเบี่ยงเบนไปด้วยอารมณ์สงสัยในคดีฆาตกรรม สงสัยว่าใครคือฆาตกร แต่ตั้งแต่แรกผู้ชมจะมองเห็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนระหว่างฮันจูวอนที่ไม่ยุ่งไม่สุงสิงกับใคร เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ขาดมนุษยสัมพันธ์ ซึ่งมันดันมาสะท้อนกับอีดงชิก
ที่แม้อีดงชิกจะถูกพิพากษาจากสังคมว่าเป็นฆาตกรเป็นผู้ต้องสงสัยตลอดกาล แต่อีดงชิกก็ยังมีกำแพงข้างหลังให้พักพิงก็คือทีมตำรวจในสถานีเล็กๆในมันยาง มีหญิงสาวเจ้าของเขียงขายเนื้อที่เชื่อมั่น มีเพื่อนแท้ที่คอยประคับประคอง อย่างน้อยแม้จะไม่ได้เลิศหรูยังมีคนที่ยังเชื่อในตัวอีดงชิก
กลับกันกับทางฮันจูวอนที่ความสัมพันธ์ไม่มีความผูกพันอยู่เลยแม้กระทั่งพ่อที่เป็นนายตำรวจระดับสูงที่มุ่งหมายจะไปอยู่ยังจุดสูงสุดของอาชีพ ความเดียวดายและความไม่เคยผูกพันกับใครของฮันจูวอนทำให้เขามองทุกคนน่าสงสัยหมด และไม่น่าเชื่อว่าผู้ชมก็ดันเป็นไปกับเขา และแน่นอนในแง่มุมนี้ผู้ชมจะเริ่มด้วยอาการชังขี้หน้าฮันจูวอนเต็มที่ แต่กระนั้นน้ำแข็งในใจของผู้ชมก็ค่อยๆสลายลงไปโดยไม่รู้ตัวไปพร้อมๆกับหัวใจของฮันจูวอนที่เริ่มมีความผูกพันเข้ามา
จนกระทั่งสิ่งที่ฮันจูวอนเชื่อมั่นเสมอมาว่าความผูกพันจะแหลกสลายเมื่อความจริงปรากฏ แต่สิ่งที่เขาเชื่อมันนั้นอาจไม่เป็นอย่างที่คิด เมื่อความจริงสามารถทำลายได้แค่ความผูกพันที่ไม่จริงแท้หรือความผูกพันที่เกิดจากผลประโยชน์ เช่นความผูกพันในฝั่งของฮันจูวอนเอง
แต่กับฝั่งของอีดงชิกนั้นคือความผูกพันกันในฐานะมิตรแท้ที่หล่อหลอมความเชื่อใจโดยที่ไม่ได้มีอะไรแอบแฝงจึงไม่อาจถูกทุบทำลายโดยความจริง และเมื่อฮันจูวอนได้มามีส่วนร่วมกับความผูกพันฉันมิตรที่แท้จริงความเปลี่ยนแปลงจึงก่อเกิดจากข้างใน และมันคือตัวแปรสำคัญที่ถูกฝังไว้อย่างแนบเนียน
อย่างที่เคยเขียนบ่นไว้บ่อยๆว่าสำหรับงานที่มีความตั้งใจมาหลอก ซ่อนเงื่อนซ้อนปมไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ การแสดงของนักแสดงคือส่วนที่สำคัญอย่างยิ่ง ความจริงผู้เขียนไม่กังขากับระดับของการแสดงของทางเกาหลีมานานมากแล้ว เพราะส่วนมากงานที่ออกมาการแสดงจะอยู่ในมาตรฐานระดับสูง
เพียงแต่มันจะลงตัวกับบทที่ตั้งธงไว้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่อง เช่นเรื่องนี้ที่ซ่อนและซ้อนเงื่อนปมเล็กน้อยมากมาย โยนเหยื่อให้ผู้ชมฮุบแล้วปล่อยครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ผู้ชมก็ยังคิดหาทางออกไม่เจออยู่ดี และมันเป็นเช่นนี้ไปตลอดทางในรายละเอียด ซึ่งหากนักแสดงรับผิดชอบหน้าที่ได้หย่อนมาตรฐานแม้เพียงคนเดียวสิ่งที่บทตั้งเจตนาไว้จะล้มเป็นโดมิโน
แต่กับเรื่องนี้ต้องเรียกว่ามาสเตอร์พีซเท่านั้น โดยเฉพาะชินฮาคยุนที่กลายเป็นผู้เล่นทรงคุณค่าของเรื่อง จนกระทั่งคว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมไปอย่างไร้ข้อกังขา แม้อาจมีบ้างที่เห็นความเป็น Joker ในตัวละครของเขา ไม่เชื่อลองนึกถึงตอนที่จับปลายปืนจากมือฮันจูวอนมาจ่อหน้าผากตัวเอง สีหน้าแววตาภาษากายมันคือ Joker ของฮีธ เลดเจอร์ที่ชัดมาก แต่แม้จะมองเห็นเป็นเช่นนั้นก็ใช่ว่าใครๆก็ทำได้ และรางวัลที่ได้รับจากเรื่องนี้คือเครื่องการันตี
ส่วนยอจินกูในบทฮันจูวอนที่ความจริงต้องเป็นคนที่มีมิติกว่า แต่ทว่าเขากลับเริ่มต้นด้วยความขัดเขิน และกลายเป็นถูกชินฮาคยุนและสามชิกชุมชนมันยางกลบฝังไปเรียบร้อย แต่ ด้วยความที่บทวางเรื่องของมิติความผูกพันที่มีข้างในตัวเขา ที่ต้องค่อยๆพัฒนาเลยทำให้เวลาช่วยให้เขาเริ่มฉายแสงขึ้นมาและก็ไต่ขึ้นมาในระดับที่น่าพอใจ
แต่ก็ยังไม่ดีพอที่เรื่องนี้จะส่งให้ไปถึงระดับรางวัล ส่วนอีกสองคนที่เข้าชิงอย่างชเวซองอึนกับสาขานักแสดงหน้าใหม่หญิงยอดเยี่ยม ในบทหญิงสาวที่เผ้ารอการกลับมาของแม่ที่สูญหาย กับชเวแดฮุนในสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมในบทเพื่อนสนิทที่ป่วยของอีดงชิก
มันคือเครื่องพิสูจน์ว่าการแสดงของนักแสดงในเรื่องนี้ยอดเยี่ยมขนาดไหน แม้กระทั่งคนที่ไม่ได้เอ่ยถึงเพราะเยอะมากมาย ก็มอบความน่าสงสัยและผู้ชมจะรักพวกเขาและชุมชนมันยาง ส่วนงานด้านภาพที่เสนอในความหม่นมืดยิ่งทำให้อารมณ์ผู้ชมจมดิ่ง ความไม่กระจ่างของงานด้านภาพก็คล้ายส่งเสริมอารมณ์ผู้ชมที่จะหาทางไปต่อไม่เจอ
งานดนตรีที่เน้นเสียงกีตาร์อารมณ์หนังคาวบอย เสียงร้องที่โหยหวนยิ่งบีบความรู้สึกให้ดำมืดไม่รู้ว่าเรื่องจะจบลงเช่นไร หรือเรียกง่ายๆว่าไม่รู้ว่าเรื่องจะพาไปทางไหนเลยต้องเลิกคิดและเลิกคาดเดา แล้วปล่อยอารมณ์ไปตามสายน้ำเท่านั้นจนถึงจุดสุดท้ายที่กระจ่างอย่างไม่น่าเชื่อ
นี่คือการสร้างความสงสัยเพื่อคลายความสงสัยอย่างไม่ต้องสงสัย(ยิ่งเขียนยิ่งงง) เรื่องนี้คือเต็มไปด้วยความสงสัยเพราะผู้ชมจะสงสัยไปทุกทาง สงสัยไปทุกเรื่อง สงสัยไปทุกคน และที่น่าทึ่งคือทุกคนมีความเชื่อมโยงกันหมดแต่ผู้ชมก็ไม่รู้สึกว่าดูยากหรืองงมากมายเพียงแต่บางครั้งไม่กระจ่างเท่านั้น แต่กระนั้นเมื่อถึงเวลาเรื่องก็มาเฉลยให้ได้ทราบเอง
ถ้านั่นยังไม่พอสิ่งที่ทำได้ดีมากอีกเรื่องหนึ่งคือการเล่นกับอารมณ์ที่ไปสุดทาง และแรงอยู่เช่นนั้นแบบไม่มีลดลงเลยแม้แต่ตอนเดียว จนทำให้ผู้เขียนเองไม่ได้เป็นแบบนี้มานานคือการดูซีรีส์สามวันจบและไม่แน่ใจนักว่า นี่คือเทรนด์ของงานจากเกาหลีหรือไม่ที่เริ่มจะเห็นงานเกี่ยวกับฆาตกรโรคจิตที่เสนอแบบดำมืดสุดตัวแบบนี้บ่อยขึ้น
และเริ่มเห็นตัวเอกที่หม่นขึ้นที่มันเริ่มผ่านตามาหลายเรื่องแล้ว จนอดสงสัยไม่ได้ว่าการเสนอด้านมืดของจิตใจแบบนี้กลายเป็นความนิยมไปแล้วหรือไม่ โดยเฉพาะการเอาคืนพวกผู้ร้ายแบบตาต่อตาฟันต่อฟันที่เริ่มเห็นได้อย่างบ่อยครั้ง การใช้ปีศาจเพื่อกำราบปีศาจ หรือมันจะกลายเป็นการเยียวยาหัวใจผู้ชมเรื่องของความบิดเบี้ยวในกระบวนการยุติธรรมในสังคม