รีวิวซีรี่ย์ Carnival Row (SS1)

Carnival Row คาร์นิวัล โรว์ ซีรีส์แนวดราม่าแฟนตาซีสืบสวน ดัดแปลงจากบทภาพยนตร์ที่ไม่ได้ใช้อย่าง A Killing on Carnival Row ฆาตกรรมเมืองมรณะ ซึ่งเป็นบทที่ทางผู้สร้าง ทราวิส บีชาม ได้เขียนไว้ ก่อนจะนำมาดัดแปลงเป็นซีรีส์ยาวแปดตอนร่วมกับ เรอเน เอเชวาร์เรีย นำแสดงโดย ออร์แลนโด บลูม, คาร่า เดเลวีน, ไซมอน แมคเบอร์นีย์, แทมซิน เมอร์ชานต์, เดวิด จีอาซี่ สร้างโดย Legendary Television ออกฉายทางสตรีมมิ่ง อะเมซอน ไพรม์ ตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2019 ดูหนัง 

แต่กว่าผมจะได้มาเปิดดูก็ตอนที่มีข่าวว่าจะมีซีซั่น 2 ผมเลยต้องมาดูสักหน่อยว่ามีดีอย่างไร เรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่นอกสายตามาก แม้กระแสตอนออกมาใหม่ ๆ จะไปในแง่ดี แต่ด้วยความที่ช่วงนั้น ผมไม่รู้จักเลย ไม่ได้หาซีรีส์อะไรดูด้วย เลยพลาดไป แต่นี่เป็นโอกาสที่ดีที่เราจะมาทำความรู้จักกับซีรีส์ฟอร์มยักษ์ที่เปี่ยมไปด้วยงานสร้างเหนือจริง และมากด้วยนักแสดงมากฝีมืออย่างคับคั่ง พล็อตที่เปิดตัวด้วยความรักและฆาตกรรม ผสมผสานกับเรื่องเทพนิยายและโลกในแบบสตรีมพังก์ยุควิคตอเรียศตวรรษที่ 17 มันจะทำให้โลกภายในเรื่องน่าสนใจหรือไม่ และอะไรที่ทำให้มันดีจนสามารถได้ไปต่อในซีซั่นหน้าด้วย ดูหนังออนไลน์ 

รีวิวซีรี่ย์ Carnival Row (SS1)

Carnival Row เป็นซีรีส์แนวสืบสวนสอบสวน ดาร์กแฟนตาซี ที่หลายคนอาจไม่เคยได้ยินชื่อ เพราะฉายอยู่ในสตรีมมิงของ Amazon Prime Video ซึ่งไม่ค่อยเป็นที่นิยมในบ้านเรามากเท่ากับแอปดัง ๆ อย่าง Netflix, HBO GO หรือ Disney+ Hotstar ที่กำลังจะเปิดให้บริการในไทยปลายเดือนมิถุนายนนี้ แต่ถ้าหากใครมีเวลาสักสองสามวันมานั่งดูเรื่องนี้ รับรองว่าจะได้พบกับซีรีส์ดาร์กแฟนตาซีโปรดักชั่นเยี่ยมอีกเรื่อง ที่การันตีว่าจะทำให้คุณต้องจับเข่าคอยซีซั่น 2 ไปพร้อม ๆ กันเลยแหละครับ ดูหนัง 4k 

Carnival Row เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโลกแฟนตาซียุควิคตอเรียน มีสงครามแย่งชิงดินแดนของเผ่าพันธุ์มนุษย์ระหว่างรัฐ The Burge กับ The Pact โดยสาธารณรัฐเบิร์ก (ซึ่งอาจจะอนุมานได้ว่าเป็นประเทศอังกฤษ) เป็นเมืองที่ปกครองโดยเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่ไม่ได้มีแค่มนุษย์ ยังมีประชากรอีกหลายเผ่าพันธุ์อพยพหนีตายจากการแย่งชิงดินแดน เข้ามาเป็นพลเมืองชั้นสองในเมืองนี้ แบ่งออกเป็น พวก Faerie หรือ Fae, พวกครึ่งแพะ Faun หรือที่มนุษย์เรียกกันว่า Puck, Centaurs, ยักษ์Trow และพวกก็อบลินตัวจิ๋วที่มนุษย์เรียกกันว่า Kobolds ซึ่งเผ่าพันธ์ุทั้งหมดที่ไม่ใช่มนุษย์จะถูกเรียกรวมกันว่าพวกCritch ดูหนังออนไลน์ 4k

รีวิวซีรี่ย์ Carnival Row (SS1)

ก่อนจะเข้าสู่รีวิวแบบเล่าสู่กันฟัง สลอธขออนุญาตเอาพระนางของเรื่องนี้มาเป็นเหยื่อล่อทุกคนก่อนนะครับ (ฮา) พระเอกของเรา “ไฟโล” เป็นตำรวจประจำเมืองเบิร์ก เมืองหลวงของอาณาจักรสมมติแห่งหนึ่งในโลกของ Carnival Row แสดงโดยออร์แลนโด บลูม ซึ่งเราน่าจะรู้จักเขาดีอยู่แล้วจากหนังดังหลาย ๆ เรื่อง อย่าง Pirates of the Caribbean หรือ The Lord of the Rings และ The Hobbit ส่วนนางเอก “วินเยตต์” รับบทโดยนางแบบสาว คาร่า เดเลอวีน (ที่หลายคนก็น่าจะรู้จักดีอีกเช่นกัน) ซึ่งในเรื่องนี้เธอจะได้แสดงเป็นเผ่าพันธุ์ภูตมีปีกที่ในซีรีส์เรียกว่า “เฟ” ย่อมาจาก “แฟรี่ (Faerie)” ที่แปลว่านางฟ้านั่นเอง รีวิวซีรี่ย์

เส้นเรื่องหลักของซีรี่ย์ชุดนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการสืบสวนการฆาตกรรมปริศนา ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของผู้สอบสวนอย่าง Rycroft Philostrate (Orlando Bloom) ทุกศพที่ถูกฆาตกรรมจะถูกขโมยอวัยวะอย่างหนึ่งไป และยิ่ง Philo สืบหามากเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเกี่ยวโยงกับชีวิตของเขาเอง และการพบกันอีกครั้งของเขาระหว่าง Vignette Stonemoss (Cara Delevingne) ก็ทำให้เขาตั้งคำถามต่อตัวตนที่แท้จริงของตัวเองอีกครั้ง

Carnival Row เล่าเรื่องราวของโลกสมมติซึ่งอาณาจักรถูกแบ่งการครอบครองออกตามเผ่าพันธุ์ บางอาณาจักรเป็นของมนุษย์ บางอาณาจักรเป็นของเผ่าพันธุ์อื่น ๆ อย่างเฟ (แฟรี่) ภูตมีปีกคล้ายนางฟ้า, พักค์​ (Puck) ที่มีเขาบนหัวและกีบเท้าคล้ายแกะ และเซนทอร์ (Centaur) ซึ่งท่อนบนเป็นมนุษย์ แต่ท่อนล่างมีสี่ขา และเดินสี่เท้าคล้ายสัตว์จำพวกม้า เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เมื่อมนุษย์เริ่มทำสงครามแข่งกันยึดครองดินแดน อาณาจักรของเผ่าพันธุ์อื่นก็เริ่มถูกรุกราน จนสุดท้ายก็ตกอยู่ใต้อำนาจอาวุธและวิทยาการของมนุษย์ ทำให้เหล่าประชาชนต่างสปีชีส์ต้องหนีตายออกจากอาณาจักรของตัวเอง และอพยพมาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศอื่นในที่สุด ซึ่งอาณาจักรที่พวกเขาต้องระหกระเหินมาพึ่งพิงก็ไม่ใช่ใครอื่นเลย แต่เป็นดินแดนของพวกมนุษย์ที่ขับไล่พวกเขาออกจากบ้านเกิด

รีวิวซีรี่ย์ Carnival Row (SS1)

“ว่าด้วยโลกในศตวรรษที่ 17 เหตุการณ์ 7 ปีหลังจากสงครามระหว่างมนุษย์กับชาวแพ็คได้กวาดล้างเหล่าเฟที่เคยอาศัยบนแผ่นดินเทอร์นาน็อกเดิมไปจนเกือบหมดสิ้น ไรครอฟต์ ฟิโลสเตรต ตำรวจสืบสวนผู้เคยผ่านสมรภูมิรบ เป็นเพียงคนเดียวที่เต็มใจจะหยุดการฆาตกรรมและรักษาความสงบสุขที่แสนเปราะบางในเบิร์ก เมืองมนุษย์ที่ ๆ เต็มไปด้วยการแบ่งชนชั้นทางสังคม แต่เมื่อวินเยตต์ สโตนมอสส์ เฟสาวที่หลบหนีและได้พบกับความสูญเสียต้องหาทางที่จะเอาตัวรอด วินเยตต์ยังต้องเข้าไปพัวพันกับบางสิ่งที่น่าสะพรึง ท่ามกลางสังคมที่ต้องการหน้าตาและเงินตราของเออร์ซ่าและอิโมเจน สเปิร์นโรส กับพัคผู้สุภาพอย่างเออร์กัส

การเมืองที่แก่งแย่งชิงดี ชิงเด่นของครอบครัวผู้นำเมืองอย่าง แอบซาลอม กับภรรยาและลูกชาย พอร์เตียกับโจนาห์ เบรกสเปียร์กับคู่ค้านอย่าง ริทเตอร์ กับโซฟี ลองเกอร์เบน ความใคร่และความเสน่หาในคาร์นิวัล โรว์ของเหล่าเฟกับมนุษย์ที่ต้องการความสุข ความเป็นอยู่ของชาวพัคและชาวโทรลที่ยากจนและโกรธแค้น และเงามืดที่แอบซ่อนใต้เมือง ท่ามกลางความสับสนและวกวนของเมืองเบิร์ก จะดึงทุกคนในเมืองเข้าสู่ชะตากรรมและอนาคตที่ไม่อาจคาดการณ์”

แม้หน้าหนังจะดูเป็นซีรีส์รักต่างเผ่าพันธุ์แบบที่ซีรีส์แฟนตาซีเป็นกัน แต่จริง ๆ มันคือซีรีส์แนวการเมืองสังคมที่ฉาบด้วยการสืบสวนผสมกับส่วนผสมแบบเทพนิยายที่หมองหม่นและไม่ได้สวยงาม มันเต็มไปด้วยการกดขี่ของชาติพันธุ์ที่ต่างกัน โดยใช้ตัวกลางเป็นตัวเองชายและหญิงเป็นตัวสะท้อนภาพเหล่านั้น ให้คิดคงเป็นการจำลองสังคมทุนนิยมอเมริกาในปัจจุบันที่มีการเหยียดผิว เหยียดผู้ที่อพยพเข้ามาในประเทศโดยใช้สิ่งมีชีวิตที่เหนือธรรมชาติแทนภาพของคนนอกที่ผิดกฏหมายและไม่ได้ยอมรับจากคนชนชั้นที่สูงกว่าหรือเป็นผู้ชนะสงคราม และกลายสภาพเป็นแรงงานหรือไม่ก็กลายเป็นโสเภณีทำงานภายในซ่องให้มนุษย์ใช้ระบายความใคร่และเหยียดหยามไปมา

ส่วนสิ่งที่หลงเหลือของผู้แพ้คือการกลายสภาพเป็นนิทรรศการให้คนชนชั้นสูงได้มาเชยชม ราวกับมันไม่มีค่าอะไร คนชนชั้นสูงที่คิดว่าการช่วยเหลือผู้อพยพเป็นเหมือนพระมาโปรดและไม่จำเป็นต้องใส่ใจไยดีอะไรอีกโดยมีความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างความรักและผลประโยชน์ ความใคร่และความเกลียดชัง ฆาตกรรมและแรงจูงใจ ที่แม้ว่าซีรีส์จะให้ตัวละครอย่างวินเยตต์ กับ ไฟโลเป็นตัวนำ แต่ก็เล่าสภาพแวดล้อม มุมมองของตัวละครอื่น ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในทางคดีหรือทางเรื่องราว ทำให้มันเป็นซีรีส์แนวสืบสวนที่มีการปูบทพอสมควร จำได้ว่ากว่าเรื่องจะติด ต้องใช้เวลา 3 ตอนเลยทีเดียว ถ้าใครเบื่อ ๆ ก็ไม่ต้องแปลกใจ เพราะมันจะค่อย ๆ สร้างโลกที่น่าเชื่อถือและเป็นไปได้ เช่นเดียวกับ ฉากเซ็กส์ระดับ 20+ ที่เห็นหมดในแทบทุกตอนที่มี ฉากฆาตกรรมหรือควักเครื่องในแต่ละตอนที่โหดระดับ 18+ ที่ดูแล้วคงกระอักกระอ่วนแน่ ๆ

รีวิวซีรี่ย์ Carnival Row (SS1)

ซีรีส์ซีซั่นแรกจะสโคปเรื่องราวอยู่แค่ในเมืองเบิร์ก เมืองหลวงที่เดิมเคยเป็นอาณาจักรของมนุษย์ แต่ปัจจุบันเริ่มมีเผ่าพันธุ์อื่นอพยพเข้ามาอาศัยอยู่เยอะขึ้น ทำให้เกิดปัญหาการเหยียดชาติพันธุ์ โดยคนเมืองเบิร์กจะนิยมเรียกเผ่าพันธุ์อื่นที่ไม่ใช่มนุษย์แบบรวม ๆ กันว่า “คริตช์ (Critch)” ซึ่งถ้าหากเปรียบเทียบกับโลกของเราในความเป็นจริง ก็คล้ายกับการที่คนอเมริกันหรือคนขาว มักจะเรียกคนผิวสีด้วย N-word นั่นเอง

ความรักระหว่างพระนางของเรา ไฟโลและวินเยตต์ เริ่มต้นขึ้นตอนที่ไฟโลถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารร่วมรบบนที่ดินแดนชื่อ “เทอร์นาน็อค (Tirnanoc)” ซึ่งเดิมเคยเป็นอาณาจักรของเผ่าเฟ ก่อนที่มนุษย์ชาวเบิร์กและชาวแพกต์จะเริ่มเข้ามาทำสงครามแย่งชิงพื้นที่กัน ณ สมรภูมิรบแห่งนั้น มนุษย์ทหารและภูตสาวผู้ทำงานเป็นบรรณารักษ์ห้องสมุดได้พบรักกัน แต่ไม่นานวินเยตต์ก็ต้องใจสลายเมื่อไฟโลตายในสงคราม ทิ้งให้คนรักต้องทรมานกับความเศร้าเสียใจ และดินแดนบ้านเกิดที่กำลังจะตกไปเป็นของคนอื่น ทว่าหลายปีต่อมา วินเยตต์จับพลัดจับผลูได้มาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองเบิร์ก ที่นั่นเธอได้พบกับความจริงอันน่าตกใจ ว่าคนรักที่เธอเคยคิดว่าตายไปแล้วกลับยังมีชีวิตอยู่ แถมยังทำงานเป็นตำรวจมียศอีกด้วย

ตอนแรกเราคิดว่าหนังจะน่าเบื่อรึเปล่า เพราะส่วนตัวไม่ค่อยชอบหนังแนวสืบสวน ยิ่งอยู่ในยุควิคตอเรียแบบนี้แล้ว ยิ่งมีกลิ่นอายความเป็น Sherlock Holmes เข้าไปใหญ่ แต่หนังก็ทำได้ดีตรงที่ไขคดีได้เคลียร์หมดทุกประเด็น น่าตื่นเต้นด้วยเรื่องของเวทย์มนต์ คือมีสัตว์ในตำนานอย่างเดียวไม่พอ เรามีไสยศาสตร์ให้ด้วย ด้วยเหตุนี้อะไรๆ ก็ดูยากจะคาดเดา นอกจากโครงเรื่องหลัก หนังยังประกอบด้วย Subplot 3 เรื่อง

ซึ่งจะพาเราไปสู่ความสัมพันธ์ที่น่าสนใจของตัวละคร 3 คู่ และพาเราไปรู้จักโครงสร้างทางสังคมของ Carnival Row ในแง่มุมที่ต่างกัน (จริงจังมากว่าชอบคู่อื่นมากกว่าคู่พระนาง ทั้งๆที่เป็นแฟนคลับออร์ลี่มาตั้งแต่ม.ต้น5555)

ด้วยความที่พระเอกของเราเป็นตำรวจ ทำให้เส้นเรื่องพาเขาไปเกี่ยวข้องกับคดีแปลก ๆ หลายเหตุการณ์ และส่วนมากมักจะเป็นคดีที่เกี่ยวกับคริตช์ทั้งสิ้น ทั้งคดีทำร้ายร่างกายที่มีต้นตอมาจากการเหยียดเผ่าพันธุ์ ไปจนถึงคดีฆาตกรรมที่เกี่ยวข้องกับมนตร์ดำและชนชั้นปกครอง ตลอดทั้งเรื่องเราจะได้ร่วมไขปริศนาไปพร้อมกับพระเอก ขณะเดียวกันก็จะได้เห็นสภาพสังคมและชีวิตความเป็นอยู่อันน่าสงสารของเหล่าคริตช์ ผู้ซึ่งเป็นเสมือนชนชั้นแรงงานชั้นล่างสุด ที่นอกจากจะต้องดิ้นรนกับความไม่เท่าเทียมแล้ว ยังต้องเผชิญกับการถูกตีตราจากสังคมให้เป็นเพียงแค่ทาสต่างเผ่าพันธุ์

ตัวละครในเรื่องถูกแบ่งออกเป็นสามเส้นเรื่อง ได้แก่ ชนชั้นเฟ ชนชั้นสูง และชนชั้นปกครองที่ต่างมีเรื่องราวและปมปัญหาเป็นของตัวเอง ซึ่งบางครั้งมันก็โดดเด่นจนแย่งซีนเส้นเรื่องอื่น ๆ และแทบจะไม่ได้เกี่ยวข้องกันโดยตรงมากนัก แค่มันอยู่บนพื้นที่เดียวกันแต่ต่างมุมมอง ดังนั้นพวกเขาจะมีมุมมองของตัวเองต่างกันเมื่อมองไปที่อีกชนชั้นหนึ่ง ตามสิ่งที่พวกเขาเป็นและอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ตามความต้องการการยอมรับ ความทะเยอทะยานที่จะเป็นใหญ่ในสังคม ถูกนำเสนอออกมาอย่างมีมิติและไม่ได้แบนราบ เพราะทุกตัวละครไม่ได้ดีหรือร้าย 100 เปอร์เซนต์ แต่ให้เรียกว่ามีเป้าหมายเป็นของตัวเอง

นอกจากส่วนของความรักและคดีฆาตกรรม พาร์ทของการเมืองใน Carnival Row ก็เข้มข้นไม่ต่างกัน โดยเนื้อเรื่องจะเล่าถึงการชิงดีชิงเด่นในสภา ความอคติของมนุษย์ชนชั้นปกครองที่ทำให้เกิดกฎหมายเอาเปรียบเผ่าพันธุ์อื่น การเล่นสกปรกเพื่อชิงอำนาจระหว่างนายกเทศมนตรีของเมืองเบิร์กกับพรรคฝ่ายค้าน และสุดท้ายทุกพาร์ทก็จะไปบรรจบกันในเหตุการณ์ที่เป็นจุดจบของซีซั่น เรียกได้ว่ามีครบทุกรส ไม่ว่าคุณจะโหยหาแฟนตาซี เวทมนตร์ โรแมนติก ดราม่า สืบสวนสอบสวน หรือแม้แต่การเมืองและการปกครอง นอกจากนี้ยังนำเสนอประเด็นเรื่องความแตกต่างระหว่างชาติพันธุ์ออกมาได้อย่างน่าสนใจ

ในขณะเดียวกันก็จะมีการค่อย ๆ สอดความโรแมนติกต่างชนชั้นเข้ามาให้เห็นพัฒนาการของตัวละครในเรื่องไปพร้อม ๆ จนจบเรื่องอีก ชนชั้นการเมืองก็จะมีเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน การหักหลังทรยศ การเดินหน้าสู่ความยิ่งใหญ่ ตัวละครต่างมีบุคลิกลักษณะแตกต่างและโดดเด่น มีเส้นเรื่องเป็นของตัวเอง นอกเหนือจากเส้นเรื่องหลัก ช่วยให้โลกในเรื่องยิ่งใหญ่เข้าไปอีก

ในส่วนของชนชั้นเฟก็จะมีความเป็นแฟนตาซีกึ่งสืบสวนที่เชื่อมโยงกันผ่านคดีฆาตกรรม เรียกได้ว่าดูซีรีส์เรื่องนี้ ได้ดูหลายแนว โรแมนติก ดราม่า การเมือง ระทึกขวัญ แฟนตาซี และกลายเป็นเรื่องเดียวกัน ถ้าให้ผมเล่ามากกว่านี้มันก็จะเสียอรรถรสเพราะงั้นอยากให้ไปดูด้วยตาของตัวเอง