รีวิวซีรี่ย์ Dali and the Cocky Prince

เล่าเรื่องราวความรักของชายหนุ่มและหญิงสาวที่ต่างไม่รู้จักตัวตนจริงของกันและกัน แต่แล้วเขากลับตกหลุมรักเธออย่างไม่คาดคิด โดย จินมูฮัก (รับบทโดย คิมมินแจ) ดูหนังฟรี เป็นชายหนุ่มผู้เติบโตมาพร้อมกับครอบครัวที่ทำธุรกิจร้านอาหารคัมจาทัง (ต้มซุปกระดูกหมูมันฝรั่ง) ที่กลายมาเป็นธุรกิจอาหารระดับโลก DonDon F&B และ คิมดัลรี (รับบทโดย พัคกยูยอง) ดูหนังออนไลน์ เป็นลูกสาวคนเดียวของตระกูลอันทรงเกียรติ ที่เธอพยายามกอบกู้พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่กำลังตกที่นั่งลำบากเพราะปัญหาหนี้สิน ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่มีโฆษณา

ทั้งสองคนต่างมีภูมิหลัง การเติบโต พื้นฐานการศึกษา และค่านิยมที่ไม่เหมือนกัน

รีวิวซีรี่ย์ Dali and the Cocky Prince

แต่มาพบกันโดยมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่กำลังจะปิดตัวธุรกิจลงเป็นสื่อกลาง ซึ่งทำให้พวกเขาเข้าใจชีวิตของกันและกัน พร้อมพบกับความเปลี่ยนแปลง และเติบโต แบบที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน เป็นซีรีส์โรแมนติกคอมเมดี้เรื่องล่าสุดจาก KBS เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ คิมดัลลี (รับบทโดย พัคกยูยอง) สาวเกาหลีที่ไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนอยู่ที่ Kröller-Müller Museum ณ กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ด้วยเหตุสุดวิสัยทำให้เธอต้องปฏิบัติหน้าที่ต้อนรับแขกคนสำคัญในงานเลี้ยงของเหล่าคนรักศิลปะ แขกคนสำคัญที่ว่าคือ จิน ฮิโตะนาริ นักสะสมของเก่าชื่อดังที่เดินทางมาจากญี่ปุ่น แต่เรื่องราววายป่วงได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ เพราะคนที่คิมดัลลีรับมาจากสนามบินดันกลายเป็น จินมูฮัก (รับบทโดย คิมมินแจ) ซึ่งเดินทางมาเจรจาธุรกิจที่สมาคมคนเลี้ยงสุกร

จินมูฮัก ลูกชายคนรองแห่ง Dondon F&B บริษัทธุรกิจแฟรนไชส์อาหารระดับโลกที่ประสบความสำเร็จจากอาหารง่าย ๆ อย่าง คัมจาทัง หรือ แกงกระดูกหมูใส่มันฝรั่ง ปัจจุบันเขาทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการแผนกอาหารและเครื่องดื่ม แม้จะไม่ค่อยฉลาดเพราะไม่ค่อยตั้งใจเรียน แต่กลับมีความรู้เรื่องหมูเป็นอย่างดี จีเนียสถึงขนาดมองแค่ขนก็รู้ว่าหมูตัวนั้นสายพันธุ์อะไร อีกทั้งยังหัวรั้นและเย่อหยิ่งเพราะสามารถหาเงินเองได้ตั้งแต่อายุยังน้อย นั่นทำให้เขาจู้จี้จุกจิกและหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ก่อนจะเสียเงินสักแดงต้องเอาไปเทียบว่าต้องขายคัมจาทังกี่ชามจึงจะได้ทุนคืน

ในขณะที่ คิมดัลลี ลูกสาวคนเดียวของตระกูลชองซงอันทรงเกียรติ แม้จะไม่เก่งงานบ้านงานครัว แต่เธอเป็นสาวสายศิลป์ตัวจริงที่นอกจากจะชอบค้นคว้าและใช้เวลาอยู่ในห้องสมุดได้หลายวันหลายคืนแบบไม่กินไม่นอน ยังหลงใหลในงานศิลปะ ประวัติศาสตร์ ปรัชญาและศาสนา เนื่องจากครอบครัวของเธอมีหอศิลป์อยู่ที่เกาหลี คิมดัลลียังสามารถพูดได้ถึง 7 ภาษาจนถึงขนาดแปลคำสั้น ๆ ออกมาได้เป็นประโยคยาวเหยียดแต่สละสลวย บวกกับหน้าตาอันสะสวย บุคลิกที่สง่าดูแพง ดูเป็นผู้ดีตัวจริง เมื่อเทียบกับจินมูฮักแล้วบุคลิกของทั้งคู่แตกต่างกันคนละขั้ว

แต่ถึงกระนั้นโลกก็พาทั้งคู่ให้โคจรมาพบกัน รีวิวซีรี่ย์ Dali and the Cocky Prince

รีวิวซีรี่ย์ Dali and the Cocky Prince

หลังจากอุบัติเหตุในการสลับตัวแขกจากความเข้าใจผิด ทั้งสองสนิทสนมกันมากขึ้นเพราะมูฮักถูกพ่อสั่งระงับบัตรเครดิตขณะเดินทางมาทำงาน นั่นจึงทำให้ดัลลีเปิดบ้านให้ที่พักชั่วคราว ตรงนี้บอกเลยมีฉากฟิน ๆ ตอนไฟดับที่อยากให้ไปดูกันเอาเอง ซึ่งทั้งคู่เหมือนจะปิ๊งกันตั้งแต่แรกพบ มูฮักที่หัวแข็งชอบโหวกเหวกโวยวายกลายเป็นหนุ่มคลั่งรักเสียดื้อ ๆ เจอกันไม่ทันไรก็มอบนาฬิกาเรือนแพงเป็นสื่อรักแทนใจให้สาวไปเสียอย่างนั้น

หวานไม่ทันไรเป็นอันต้องลงท้ายตอนเรื่องดราม่า เมื่อพ่อของดัลลีเสียชีวิตลงอย่างกะทันหันทำให้เธอต้องบินกลับเกาหลีเป็นการด่วน และต้องไปพบว่าพ่อของเธอกู้เงินจำนวนมหาศาลเพื่อประคับประคองหอศิลป์ที่กำลังจะเจ๊งจนกลายเป็นบุคคลล้มละลาย และหนึ่งในเจ้าหนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นมูฮักที่กำลังหัวร้อนอย่างแรง เพราะการหายไปดื้อ ๆ ของดัลลีพร้อมนาฬิกาหรูทำให้เขาเข้าใจผิดว่าเธอเป็นแก๊งตบทรัพย์นั่นเอง

เมื่อทราบข่าวการเสียชีวิตของลูกหนี้ มูฮักยกพวกไปยังหอศิลป์ชองซงเพื่อทวงหนี้ 2 พันล้านวอนคืน ที่นั่นเขาได้พบกับดัลลีอีกครั้งในฐานะผู้อำนวยการที่พยายามรักษาหอศิลป์แห่งนี้เอาไว้ แต่เรื่องวุ่นวายมันไม่ได้จบแต่เพียงเท่านั้น เพราะข่าวการจับคู่แต่งงานระหว่างคิมดัลลีกับ จางแทจิน (รับบทโดย ควอนยุล) ได้ปลุกจินมูฮักคนคลั่งรักขึ้นมาอีกครั้ง แต่เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร มูฮักจะทวงหนี้หรือยกหนี้ให้สาวที่ชอบแล้วช่วยเธอรักษาหอศิลป์เอาไว้

ซีรี่ย์เรื่องนี้ถึงจะเป็นแนวรอมคอมแต่ก็ถือว่ายังมีปมดราม่าเข้ามาให้เราได้ปวดหัวเบาๆ แต่ความน่ารักของเคมีพระนางก็เข้ามากลบให้เราได้ฟินไปตามๆกัน โดยเราจะได้เห็นพัฒนาการความสัมพันธ์พระนางตั้งแต่นาง นอกจากนี้ส่วนตัวยังชอบคอสตูมของพระนางในเรื่องที่จัดเต็มมากๆ แนะนำใครชอบซีรี่ย์แนวนี้ก็ลองดูนะคะ

เป็นการเจอกันโดยบังเอิญแล้วเกิดเป็นความรักระหว่างคิมดาลี

รีวิวซีรี่ย์ Dali and the Cocky Prince

และ จินมูฮัก คน 2 คนที่ถนัดไม่เหมือนกันระหว่างงานศิลปะและการทำอาหาร นิสัยที่ต่างมาเจอกันแล้วดันคุยกันรู้เรื่อง คนนึงพูดตรงๆซื่อๆเย็นๆแต่ตรงไปตรงมา อีกคน โผงผาง ฉลาดในธุรกิจแต่อ่อนต่อโลกในการใช้ชีวิตประจำวัน มักมีเรื่องเปิ่นๆ ขำๆ ปล่อยไก่ให้ได้เขินกันบ่อยๆ แต่น่ารักที่ต่างไม่ถือสากัน และมีความจริงใจ จีบกันน่ารักเป็นธรรมชาติ มีความตลกแต่อบอุ่น ดูแล้วสบายใจ ทำออกมาได้สวยงามมาก

ทั้งคู่ต้องเจอกันตลอดนอกจากเพราะรักแล้วยังเพราะจินมูฮักเป็นเจ้าหนี้ของพ่อคิมดาลีที่เสียชีวิตไปแล้วในการเป็นผู้บริหารหอศิลป์ และมีกลุ่มคนที่จ้องจะให้ดาลีขายหอศิลป์เพื่อนำที่ดินไปพัฒนาเมืองใหม่ คนกลุ่มนี้โยงไปถึงมีส่วนในการตายของพ่อดาลีด้วย ชอบการคลี่คลายปัญหาของเรื่องนี้ส่วนใหญ่มาจากคนทำผิดไปแล้วสำนึกผิดด้วยตัวเอง ไม่เครียด แต่น่าติดตาม

ในงานเลี้ยงอันหรูหรา ท่ามกลางผลงานศิลปะ และนักสะสมงานศิลป์ระดับโลก มิสเตอร์จิน ผู้มีความรู้ด้านภาษาอังกฤษติดลบ และกำลังคิดว่าตัวเองกำลังอยู่ในงานเลี้ยงรับรองของสมาคมเลี้ยงหมู ได้แต่เออออห่อหมกไปกับแขกในงานที่เข้ามาทักทายเขา

ในฐานะนักสะสมงานศิลปะคนดัง เขาชี้ไปที่ภาพวาดหมู โดยไม่ลังเล เมื่อถูกถามถึงผลงานที่ชื่นชอบ แถมวิจารณ์พันธุ์หมูได้คล่องปรื๋อสมกับเป็นผู้เชี่ยวชาญ

ดัลลีช่วยชีวิตมิสเตอร์จินมูฮักไว้ รีวิวซีรี่ย์ Dali and the Cocky Prince

หลังจากเขาเกิดอุบัติเหตุจนทำให้ภาพวาดของศิลปินคนดัง ราคา 120 ล้านยูโร หรือ 1 แสน 6 หมื่น ล้านวอน เสียหาย ซึ่งคิมดัลลีดูออกทันทีว่า ภาพวาดชิ้นนี้เป็นภาพปลอม ไม่ใช่ของจริง ทั้งคู่จึงถูกอัญเชิญออกจากงานที่ไปฉีกหน้ามาดามผู้จัดการ และไม่ให้เข้าไปเหยียบในงานอีก

ความมาแตกเมื่อจินมูฮัก ถามเรื่องสมาคมสุกรขึ้นมา และแสดงตัวว่า เขามาจาก ทนดนเอฟแอนด์บี หรือ ทนดนคัมจาทัง ซึ่ง ได้รับเชิญจากสมาคมฟาร์มสุกรดัตช์มาเจรจาธุรกิจ

ดัลลีตกใจแทบช็อค กรีดร้องดังลั่น เมื่อรู้ว่าเขาคือ “จินมูฮัก” ไม่ใช่ “จิน ฮิโตะนาริ” ทั้งคู่รีบช่วยกันติดต่อตามหา มิสเตอร์จิน กันจ้าละหวั่น แต่ติดต่อไม่ได้ แล้วดัลลียิ่งสติแตก เมื่อไปตามหาที่สนามบินก็ไม่เจอ โชคดีที่ได้จินมูฮัก ช่วยปลอบและให้สติ

เมื่อดัลลีพาจินมูฮักไปเช็คอินเข้าพักในโรงแรมหรู 5 ดาว แต่กลับพบว่าบัตรเครดิตทั้งสองใบของ ผู้เชี่ยวชาญด้านหมูจากดนทนเอฟแอนด์บี ไม่ผ่านสักใบ ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะถูกผู้เป็นพ่อสั่งระงับเพราะโมโหเรื่องให้หอศิลป์กู้เงินนั่นเอง

เพราะไม่อาจทนเห็นเขาเดินด้วยรองเท้าแตะไปยังสนามบิน ดัลลี จึงพาเขามาพักค้างคืนที่บ้านพักของเธอด้วย มูฮักซาบซึ้งและประทับใจมากๆ ปิ๊งด้วยแหละดูออก แต่ก็ไม่วายปากเสียใส่อย่างหวังดีอีกว่า เธอไม่ควรไว้ใจพาใครมาพักด้วยง่ายๆ โดยไม่รู้จักกันมาก่อน เพราะอาจเป็นอันตรายได้

ดัลลีย้อนว่า เขาทั้งพูดอังกฤษไม่เป็น เงินไม่มี บัตรเครดิตถูกระงับจะให้เธอทิ้งเขาไว้หรือ และสอนว่าหากมีคนยื่นมือไปชั่วเหลือยามยากแค่ขอบคุณก็พอ นักสะสมศิลปะเก๊อึ้งไปชั่วขณะ แต่ก็ไม่ยังวายแย้งอีกว่าไร้เดียงสาสิ้นดี และถามว่าใครสอนเธอแบบนี้
ดัลลีตอบโดยไม่ลังเลว่า พ่อของเธอเอง

ระหว่างที่ปล่อยให้ดัลลี โทร.ติดต่อตามหาเบาะแสจิน ฮิโตะนาริ อยู่นั้น ผู้บริหารหนุ่มปากไว อาสาทำอาหารเลี้ยงเธอ เพื่อเป็นการแตบแทน แถมบังคับให้ดัลลีละมือจากงานมาทานอาหาร เพราะเป็นสิ่งสำคัญกับร่างกาย และสบช่องสอนเธอกลับว่า ไม่ว่าคนจนหรือคนรวย การทานอาหารครบ 3 มื้อต่อวัน เป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่าการมั่งมีเงินทองเป็นไหนๆ ดัลลีแทบไม่อยากเชื่อกับรสชาติอาหารแสนอร่อยจานนั้น

มูฮักยิ้มรับคำชม คุยโตว่า ตนทำอาหารตั้งแต่ 11 ขวบ ดัลลีชวนให้เขาไปดูงานศิลปะที่หอศิลป์ที่เธอทำงานวิจัยอยู่ และบอกว่าเขาเป็นคนที่น่าสนมาก ที่สามารถนำเอาทุกอย่างในโลกไปเปรียบเทียบกับคัมจาทังได้ เล่นเอามูฮักเขินปนปลื้มตัวแทบแตกไปไม่เป็นเลยทีเดียว

อีกฟากหนึ่ง ที่หอศิลป์ซองชงจินกีชอล มาเจรจากับ คิมนักชอน 

พ่อของดัลลีเพื่อขอเงินที่ให้กู้เงินยืมคืน และต่อว่าเรื่องกระโถนเยี่ยว แต่ระหว่างนั้นคิมนักชอน ขอตัวออกไปพบใครมาบางคน จินกีชอน ได้ยินเสียงต่อว่ากันอย่างรุนแรง

ด้วยความโศกเศร้าที่ต้องบอกลาสาวน้ำใจงดงามที่เขาแอบปิ๊ง มูฮักจึงบอกดัลลีว่าเขาจะมาเจอเธออีกหลังไปเจรจากับสมาคมฟาร์มสุกรเสร็จสิ้น และได้มอบนาฬิกาแบรนด์เนมเรือนโปรดของตนใส่ให้กับดัลลีไว้เป็นการมัดจำ

แต่แล้วเมื่อมูฮักเจรจาธุรกิจกับสมาคมฟาร์มสุกรสำเร็จแล้วรีบกลับมาหาที่บ้านพักเพื่อขอช่องทางติดต่อ ดัลลีก็หายตัวไปหลังจากที่ได้รับสายโทรศัพท์ลึกลับจากเกาหลี

ไม่นานต่อมา จินมูฮักก็ได้เจอคิมดัลลีโดยไม่คาดคิดอีกครั้ง หลังจากที่เขาออกตามหาเธอจนทั่วแต่ไม่พบ โดยในวันที่เขาพร้อมลูกน้องบุกไปทวงเงินให้กู้ยืมจากหอศิลป์ซองชงคืน แล้วกลับพบว่าเธอคือเจ้าของหอศิลป์แห่งนี้ และเขาเป็น เจ้าหนี้ของเธอ!!!

สองหนุ่มสาวที่มีภูมิหลังชีวิต การเลี้ยงดู พื้นฐานการศึกษา และค่านิยมในชีวิตที่ไม่เหมือนกันสักน้อย แต่กลับได้มาพบเจอกัน โดยมีโดยมีหอศิลป์ที่กำลังจะเจ๊ง และ ผลงานศิลปะ เป็นสื่อกลาง พวกเขาได้เรียนรู้เพื่อเข้าใจชีวิตของกันและกัน ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง และเติบโตในแบบที่เขากับเธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน