รีวิวซีรี่ย์ Euphoria
ซีรีส์ HBO ที่แปลกใหม่และได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในปี 2019 ด้วยการพาผู้ชมลงไปสำรวจโลกด้านมืดของวัยรุ่นในยุคปัจจุบันของอเมริกา (ที่อื่นน่าจะยังไม่ขนาดนี้ แต่ก็คงมีส่วนใกล้เคียงบ้าง) ที่ซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราวซับซ้อนวุ่นวายเละเทะกับชีวิตจนแทบเกินเยียวยา ซึ่งผู้ชมที่ไม่ใช่คนใน Gen Z คงอึ้งไปเหมือนกันกับเรื่องราวที่จำลองมาจากสังคมสภาพแวดล้อมจริงในยุคปัจจุบัน ที่เด็กวัยรุ่น Gen Z โตมากับเทคโนโลยี แนวคิด การใช้ชีวิตในโลกใหม่ที่ต่างไปจากคนยุคก่อนอย่างสิ้นเชิง ดูหนัง
ตัวซีรีส์จะมีศูนย์กลางอยู่ที่ตัวละคร รู เบนเนต (รับบทโดย เซนเดย์อา Zendaya) สาวน้อยวัย 16 ปีที่ชีวิตวังวนอยู่กับยาเสพติด แม้เธอจะเข้าบำบัดอาการติดยาหลังจากเสพยาเกินขนาดจนเกือบตายมาแล้วก็ตาม ชีวิตของรูกลับมาพบเจอกับความสดใสอีกครั้งหลังได้พบกับ จูลส์ วอน (รับบทโดย ฮันเทอร์ เชเฟอร์ Hunter Schafer) สาวน้อยรูปร่างผอมบางที่มีด้านมืดทั้งการพยายามฆ่าตัวตายและความโลเลในด้านความสัมพันธ์จนทำให้ทั้งรูและจูลส์อยู่กับรักเมา ๆ ของพวกเธอ ดูหนังออนไลน์
นอกจากนี้ซีรีส์ยังมีตัวละครสมทบที่มีชีวิตและปมประเด็นที่น่าสนใจไม่แพ้กันทั้ง เนท เจคอบส์ (รับบทโดย เจคอบ อีลอร์ดี Jacob Elordi) หนุ่มหล่อเพอร์เฟกต์ที่มีปมเรื่องพ่อเสพติดเซ็กส์ ที่สำคัญคือ คาล เจคอบส์ (รับบทโดย อีริค เดน Eric Dane) พ่อของเขาดันไปถ่ายคลิปตอนมีเซ็กส์กับจูลส์ไว้เสียด้วย หรือกระทั่งแมดดี เปเรซ (รับบทโดย อเล็กซา เดมี Alexa Demie) แฟนสาวของเนทที่พยายามยื้อให้เขาอยู่กับเธอ ดูหนัง 4k
รีวิวซีรี่ย์ Euphoria
ชื่อเรื่อง “ยูฟอเรีย” กับความหมายที่ว่า “ภาวะเคลิบเคลิ้มเป็นสุข” ถูกใช้เป็นคำจำกัดความอธิบายเรื่องราวชีวิตของทุกตัวละครในเรื่องนี้ ที่ทุกคนจะตกอยู่ในภาวะเสพสุขจากสิ่งที่ตัวเองหลงไหลเสพติดอยู่ ในเรื่องเริ่มจากตัวเอก “Rue (รู)” ที่เล่นโดย Zendaya เป็นคนเล่าเรื่องราวทั้งหมด โดยเธอเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำจนกลายมาเป็นคนติดยาอย่างหนักขนาดเฉียดตายมาก่อน เมื่อเธอได้กลับไปเรียนก็พบเจอกับนักเรียนใหม่ “จูลส์” ที่รูปร่างหน้าตาดี แต่งตัวด้วยแฟชั่นล้ำๆ โดดเด่นเตะตา ดูหนังออนไลน์ 4k
แต่จูลส์กลับประหลาดเกินไปจนเป็นคนที่เข้ากับใครไม่ค่อยได้ และก็มีชีวิตส่วนตัวเป็นพวกสำส่อน หมกมุ่นกับการใช้แอพหาคู่นอนไปทั่ว แต่ทั้งสองคนก็ได้กลายเป็นเพื่อนสนิทกันอย่างรวดเร็ว และค่อยๆ พัฒนาความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ช่วยเยียวยาปมปัญหาของกันและกัน แต่กลายเป็นว่าความผูกพันนั้นกลับทำให้ทั้งคู่กลับถลำลึกลงไปในเส้นทางมืดมนมากขึ้นเรื่อยๆ รีวิวซีรี่ย์
ส่วนตัวละครที่ถือว่าทุ่มเทและนักแสดงเปลืองตัวที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้น แคสซี โฮเวิร์ด หญิงสาวคลั่งรักและเสพติดเซ็กส์อย่างยิ่งซึ่งการได้ ซิดนีย์ สวีนีย์ (Sydney Sweeney) นักแสดงสาวหุ่นทรมานใจชายมารับบทนี้นอกจากจะทำให้หนุ่ม ๆ กระชุ่มกระชวยเพราะเธอขยันถอดขยันนัวร์กับผู้ชายแล้ว พอถึงจุดที่ซีรีส์โบยตีตัวละครแคสซี คนดูก็อดสงสารไม่ได้และถือว่าซีรีส์น่าจะใจร้ายกับตัวละครของเธอไม่ต่างจาก รู เลยด้วยซ้ำ
ซึ่งเรื่องราวของทั้งสองคนนี้จะเป็นเส้นหลักของเรื่องที่ค่อยๆ ไปเกี่ยวข้องกับตัวละครอื่น ตัวนางเอกจะเล่าเรื่องในแต่ละตอนถึงตัวละครหลักทั้ง 7 คนรวมถึงตัวเอง (ซีรีส์มี 8 ตอนจบ) ซึ่งแต่ละคนก็มีปัญหาหลงไหลเสพสุขในเรื่องต่างกัน อย่าง สาวอ้วนที่ถูกเพื่อนยุให้เสียตัวครั้งแรก ต่อมาก็กลายเป็นสาวเปิดวิวขายเนื้อหนังใน Pornhub ให้ผู้ชายวิตถารได้ช่วยตัวเองแลกกับเงิน Bitcoin หรือสาวรูปร่างหน้าตาดีที่เติบโตมาแบบไม่มีเป้าหมายในชีวิตว่าเรียนไปเพื่ออะไร
ขอเพียงเกาะผู้ชายที่หมายตาไว้ให้ได้เท่านั้น และไม่ใช่แค่เรื่องราวของผู้หญิง แต่ยังรวมไปถึงฝั่งผู้ชายที่หมกหมุ่นกับเรื่อง SEX รูปร่างหน้าตา ความคาดหวังของพ่อแม่ที่ต้องการให้ลูกสมบูรณ์แบบในเส้นทางที่กำหนด จนกลายเป็นปมปัญหาชีวิตเมื่อทำไม่ได้ และไม่รู้ว่าชีวิตจะไปต่อยังไงในเส้นทางอื่น จนบางคนหลงทางไปก่ออาชญากรรมโดยไม่ได้รู้สึกว่าเป็นความผิด และตรงนี้ก็เป็นเส้นเรื่องหลักอีกด้านของตัวละครนำฝ่ายชาย “เนต” (รับบทโดย Jacob Elordi) ซึ่งมีปมหลายอย่างในชีวิตจนบุคลิกค่อยๆ ผันแปรไปเป็นอาชญากรตัวร้ายของเรื่องที่น่าติดตามมาก (แต่น่าเสียดายนิดๆ ที่เรื่องราวส่วนนี้ไม่ได้จบลงในซีซั่นนี้)
แต่นอกจากเรื่องราวรัก ๆ ใคร่ ๆ เซ็กส์สยิวและเก็ตไฮกับยาเสพติดจนดูแล้วอดเมาตามตัวละครไม่ได้แล้ว ‘Euphoria’ ยังพาเราไปเปิดโลกที่เต็มไปด้วยความหลากหลายและเจาะลึกปัญหาชีวิตวัยรุ่นไฮสคูลแบบแทบจะพามุดลงท่อไปด้วยซ้ำโดยเฉพาะทัศนคติของตัวละครหลายตัวที่น่าสนใจไม่น้อยโดยเฉพาะ แคท เฮอร์นานเดซ ที่ได้นักแสดงสาวสวยพลัสไซส์อย่าง บาร์บี เฟอร์เรียรา (Barbie Ferreira) มาให้การแสดงอันทรงพลังเพราะแม้จะถูกตราหน้าว่าเป็นสาวร่างใหญ่แต่ด้วยแอดติจูดความมั่นของแคทที่สามารถทำให้หนุ่ม ๆ คลั่งเธอได้ทั้งในโลกออนไลน์และออฟไลน์ก็ทำให้ประโยค “Nothing powerful than a fat girl who don’t give a fxxx” ส่งให้แคทเป็นตัวละครที่คนดูจะรักได้ไม่ยาก
ตัวละครในเรื่องนี้ต่างใช้ชีวิตเสพสุขอยู่กับปัจจุบันโดยไม่สนใจอนาคตใดๆ ทั้งสิ้น เรื่องราวในซีรีส์จะตีแผ่ความเหลวแหลกทุกแบบออกมาสุดขั้ว และก็แสดงให้เห็นที่มาแรงจูงใจทั้งหมด ซึ่งไม่ใช่แค่ปมปัญหาครอบครัวไม่อบอุ่นแบบยุคเก่า แต่เป็นปมปัญหาใหม่ๆ อย่างพวกอาการทางจิตเวชเช่น ย้ำคิดย้ำทำ ซึมเศร้า ไบโพลาร์ ความเบี่ยงเบนทางเพศ การเสพติดโลกออนไลน์ ซึ่งพ่อแม่หรือคนในยุคก่อนคงยากที่จะเข้าใจหรือตามทันได้เลย ซึ่งตัวเรื่องก็เหมาะกับให้ผู้ใหญ่มาดูเพื่อทำความเข้าใจปมปัญหาเหล่านี้ว่ามันซับซ้อนขนาดไหนเช่นกัน
นอกจากเรื่องราวจะเป็นโลกสมัยใหม่ของ Gen Z แล้ว ตัวเรื่องยังโชว์เนื้อหนังมังสาทั้งหญิงชายกันจะๆ แบบไม่มีหลบมุมกล้องหรือเห็นแค่แวบๆ อะไรแบบนี้เลย โดยเฉพาะฝั่งผู้ชายที่โชว์เจ้าโลกแกว่งกันไปทั่วฉาก แถมยังซูมเน้นกันอีกต่างหาก พร้อมกับฉาก SEX ที่ใส่มาทุกตอนหลายฉากด้วย ซึ่งทุกตอนมีคำเตือนก่อนเข้าเรื่องแล้วว่าไม่แนะนำให้ผู้ชมอายุต่ำกว่า 21 ดูเพราะเรื่องราวเต็มไปด้วย ความรุนแรงกับ SEX แต่ผู้สร้างก็ไม่ได้ใส่พวกเรื่องอย่างว่ามาโดยไร้เหตุผล
แต่มีเพื่อประกอบเรื่องราวให้สมจริง และขับเคลื่อนเรื่องราวไปยังจุดหมายสุดท้ายของชีวิตตัวละครในเรื่อง ซึ่งเป็นความรักที่ซับซ้อนแปลกใหม่หลายอย่างมากของวัยรุ่นในยุคนี้ และก็จบลงแบบไม่สวยงามอะไรนักในแต่ละคน แต่ก็สมจริงตามเรื่องราวที่ผู้สร้างต้องการให้เห็นมากกว่าบทละครฟินจิกหมอนให้พระเอกนางเอกสมหวังอะไรแบบนั้น ซึ่งมีพลังสานต่อให้คนคิดติดค้างในหัวต่อไปมากกว่าจบแบบฟินๆ เพราะตัวเรื่องถือว่าดาร์คมากเลยทีเดียวในแต่ละปมปัญหาที่ดูแล้วแทบไร้ทางออกดีๆ ได้เลย
และเมื่อพิจารณาภาพรวมของซีรีส์ก็คงต้องชื่นชมปนอยากก่นด่าเพราะมีข่าวลือว่า แซม เลวินสัน (Sam Levinson) ที่เล่นบทโหดทั้งการถ่ายเกินเวลาบางคิวลากยาวไปถึง 18 ชั่วโมงทั้งที่ไม่ควรเกิน 12 ชั่วโมงจนมีคนร้องเรียนไปยังสมาพันธ์นักแสดงอย่างแซ็ก แอฟทรา (SAG-AFTRA) หรือทีมงานที่กล่าวหาว่า เลวินสันไม่เคยให้ช็อตลิสต์ (Shot List) หรือตารางที่กำหนดว่าจะถ่ายช็อตไหนก่อนหลังแต่เน้นดูสถานการณ์ตอนนั้นแล้วถ่ายสิ่งที่อยากถ่ายแบบตามใจฉันจนทีมงานต้องทำงานลากยาวแทบไม่ได้พักผ่อนแม้เรื่องราวจะเอาความเหลวแหลกของสังคม Gen Z มานำหน้า
แต่สิ่งที่โดดเด่นเกินหน้าสตอรี่ในเรื่องก็คือ “งานภาพที่สวยแปลกโดดเด่นตระการตา” ซึ่งถูกนำเสนอควบคู่ไปกับเรื่องราวเคลิบเคลิ้ม เพ้อฝันไปกับ จินตนาการของวัยรุ่นในเรื่องได้อย่างสวยงาม และเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ลึกๆ ที่อยู่ภายในช่วงเวลานั้น ซึ่งนักแสดงเองก็ไม่อาจจะสื่อออกมาให้คนดูเข้าใจได้ทั้งหมด งานภาพในเรื่องนี้จึงกลายเป็นตัวบอกเล่าอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดของตัวละครเพิ่มขึ้นอีกระดับ ทำให้คนดูได้ดำดิ่งเข้าไปในโลกของตัวละครลึกมากยิ่งขึ้น แม้ว่าเรื่องนี้อาจจะไม่ถึงขั้นมาสเตอร์พีชในเรื่องราว แต่งานภาพนี่ต้องยกให้เลยว่าเต็ม 10 แบบไม่มีข้อกังขาใดๆ ทั้งสิ้นครับ
หรือจะเป็นเหตุการณ์อื้อฉาวที่สุดคือข่าวลือการวอล์กเอาต์ของนักแสดงสาวอย่าง บาร์บี เฟอร์เรียรา (Barbie Ferreira) ที่รับบทแคทจนทำให้แอร์ไทม์ของเธอในซีซัน 2 น้อยกว่าซีซันแรกอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ยังมีการร้องเรียนถึงแซ็ก แอฟทราอีกว่ากองถ่าย ‘Euphoria’ ไม่ได้จัดพื้นที่สำหรับเอ็กซ์ตราที่เหมาะสมทั้งการให้รอถ่ายภายใต้อากาศร้อน ๆ ตอนกลางคืนหรือการที่มื้ออาหารไม่ได้ถูกเสริฟทุก 6 ชั่วโมงซึ่งทางหน่วยงานจะมีการปรับจากกองถ่ายโดยคิดจากสมาชิกของสมาพันธ์หัวละ 50 ดอลลาร์และปรับเพิ่มในทุก ๆ ครี่งชั่วโมงอีกด้วย
ตัวนักแสดง Zendaya แม้ไม่ได้สวยอะไรนักและก็ยังเล่นในบทคล้ายๆ กับตอนที่เล่นเป็นนางเอกสไปเดอร์แมนเหมือนเดิม แต่เพิ่มความลึกว่ามาก ซึ่งเธอก็เป็นตัวนำเรื่องทั้งหมดได้อย่างไม่มีที่ติ โดยเธอต้องรับบทแทบทุกอย่างในเรื่องไปจนถึงฉากจินตนาการเพ้อหลุดโลกจากทั้งการเล่นยาและความคิดแปลกๆ ของเธอเอง ซึ่งจะถูกสมมุติเป็นหนังแนวอื่นนอกเหนือจากโลกของวัยรุ่นปกติในเรื่อง แต่ตัว Zendaya ไม่ได้ถึงขนาดลงทุนเปลือยกายอะไรในเรื่องมาก
ซึ่งก็อาจจะเพราะตัวบทเธอไม่ได้เป็นพวกเซ็กส์ซินโดรมก็ด้วย แต่กับคนอื่นนี่หวือหวากันสุดๆ โดยเฉพาะจูลส์ ที่รับบทโดยนักแสดงสาว Hunter Schafer ซึ่งเล่นเรื่องนี้เป็นครั้งแรก (ก่อนนี้เป็นนางแบบแฟชั่นโชว์) เธอเล่นได้อย่างมีเสน่ห์แบบสาวน้อยพึ่งโตแต่กร้านโลกเกินวัยได้อย่างเป็นธรรมชาติของ Gen Z ซึ่งในตัวจูลส์เองก็มีความลับที่ซ่อนอยู่ แต่ในเรื่องไม่ได้บอกชี้ชัดลงไปมากมาย ซึ่งเป็นความตั้งใจของทีมสร้างให้ตัวละครนี้ดูคลุมเคลือนิดๆ แต่ก็ไม่ถึงขนาดปิดบังไม่บอกครับ
แต่ต้องขอเตือนไว้ก่อนว่า ‘Euphoria’ เป็นซีรีส์ที่เหมาะกับผู้ใหญ่ที่อายุเกิน 20 ปีเท่านั้นนะครับ เพราะมีฉากที่เห็นอวัยวะเพศชายแบบชัดเจนหลายช็อตรวมถึงฉากเซ็กส์ร้อนแรงและการเสพยาเสพติด รวมไปถึงพฤติกรรมหมิ่นเหม่หลายอย่างที่เยาวชนอาจเลียนแบบได้แต่จะให้ดีมาก ๆ เลยส่วนตัวผมคิดว่านี่น่าจะเป็นซีรีส์ที่พ่อแม่ควรดูเป็นอย่างยิ่งและจะให้ดีควรดูร่วมกับลูก ๆ โดยเฉพาะลูกสาวนี่แหละครับ เพราะต้องยอมรับว่าซีรีส์ได้ชำแหละชีวิตวัยรุ่นแบบรอบด้านได้ทั้งน่ากลัวและเปี่ยมสีสันจริง ๆ