รีวิวซีรี่ย์ Juvenile Justice หญิงเหล็กศาลเยาวชน

รีวิวซีรี่ย์ Juvenile Justice หญิงเหล็กศาลเยาวชน

ในช่วงนี้ ซีรีส์เกาหลีแนวกฎหมายกลับมามีประเด็น และโผล่ขึ้นมาบนหน้าไทม์ไลน์โซเชียลอีกครั้ง หลังซีรีส์ Juvenile Justice หรือชื่อไทย ‘หญิงเหล็กศาลเยาวชน’ ได้ออกฉายผ่านทาง Netflix จำนวนทั้งสิ้น 10 ตอน เนื้อหาซีรีส์เล่นประเด็นเผ็ดร้อนเกี่ยวกับการตัดสินคดีที่เกี่ยวข้องกับเยาวชน ซึ่งส่วนใหญ่อายุไม่เกิน 14 ปี และยังไม่บรรลุนิติภาวะ แม้ต้นเรื่องจะพูดถึงเด็ก แต่ประเด็นที่ซีรีส์สื่อสารออกมากลับเข้มข้น

ไม่ได้มาเล่น ๆ ทั้งตัวบทละครและนักแสดงที่เรียกได้ว่า ‘จัดจ้าน’ จนอยากให้ฉายมากกว่า 10 ตอนหรือมีภาคต่อกันเลยทีเดียว!

รีวิวซีรี่ย์ Juvenile Justice หญิงเหล็กศาลเยาวชน

ณ ตอนนี้ ซีรีส์จากเกาหลีใต้อย่าง ‘Juvenile Justice’ หรือ ‘หญิงเหล็กศาลเยาวชน’ ซีรีส์ Netflix Original เรื่องใหม่ที่เพิ่งเข้าฉายเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กลายเป็นซีรีส์กระแสแรงที่กำลังติดอันดับหนึ่งอยู่ในตอนนี้ครับ และกระแสก็กำลังมาแรงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้เป็นผลงานการกำกับของ ‘ฮงจงชัน’ (Hong Jong-Chan) ที่เคยมีผลงานกำกับซีรีส์มาหลายต่อหลายเรื่อง คราวนี้ เขาขอหยิบมุมมองเกี่ยวกับกฏหมาย โดยเฉพาะแง่มุมที่แทบไม่มีใครเคยหยิบจับมาก่อนอย่าง ‘กระบวนการยุติธรรมคดีเยาวชน’ มาเล่าผ่านซีรีส์เรื่องนี้ ผ่านมุมมองการเขียนบทของ ‘คิมมินซอก’ (Kim Min-Seok) ดูหนัง 

รีวิวซีรี่ย์ Juvenile Justice หญิงเหล็กศาลเยาวชน

ก่อนอื่นพูดถึงเรื่องย่อของซีรีส์เรื่องนี้กันก่อน Juvenile Justice เป็นซีรีส์กฎหมาย ที่บอกเล่าเรื่องราวของผู้พิพากษาอาวุโส ชิมอึนซอก (รับบทโดย คิมฮเยซู) ผู้พิพากษาระดับหัวกะทิ ที่มีบุคลิกเย็นชาและไม่ค่อยเป็นมิตร ตั้งแต่มาถึงเธอก็ได้ประกาศตัวเลยว่า ตัวเองนั้นมีความเกลียดชังกับเยาวชนที่กระทำความผิดเป็นอย่างมาก โดยชิมอึนซอกได้รับหน้าที่ให้มาเป็นผู้พิพากษาสมทบคนใหม่ประจำศาลคดีเยาวชนในเขตยอนฮวา ซึ่งเป็นเขตปกครองที่มีอัตราการก่ออาชญากรรมเด็กและเยาวชนสูงที่สุดเขตหนึ่ง การเข้ารับตำแหน่งในครั้งนี้ทำให้ ชิมอึนซอก ต้องมาร่วมงานกับผู้พิพากษาสมทบ ชาแทจู (รับบทโดย คิมมูยอล) ผู้พิพากษาแผนกคดีอาญาเยาวชนที่แตกต่างกับเธออย่างสุดขั้ว ดูหนังออนไลน์

รีวิวซีรี่ย์ Juvenile Justice หญิงเหล็กศาลเยาวชน

ชาแทจูมีนิสัยใจดี มักแสดงท่าทีเป็นห่วงเด็ก ๆ อยู่เสมอ เพราะเขาเชื่อว่าเด็กทุกคนที่เคยทำผิดสามารถกลับตัวกลับใจเป็นคนดีได้ ซึ่งพวกเขาทั้ง 2 คนก็ต้องมารับมือกับคดีที่เกี่ยวกับเยาวชน ที่มีตั้งแต่คดีทั่วไป จนถึงคดีร้ายแรงที่ก่อให้เกิดการสูญเสีย นอกจากนี้ยังร่วมด้วยผู้พิพากษาอาวุโสอีก 2 คน อย่าง คังวอนจุน (รับบทโดย อีซองมิน) ผู้พิพากษาอาวุโสในแผนกคดีอาญาเยาวชนศาลแขวงยอนฮวา ที่มีชื่อเสียงโด่งดังและกำลังถูกทาบทามให้เข้าไปเล่นการเมือง และ นากึนฮี (รับบทโดย อีจองอึน) หัวหน้าผู้พิพากษาแผนกคดีเยาวชน ที่ไม่ค่อยถูกกับชิมอึนซอกสักเท่าไหร่ ดูหนัง 4k 

รีวิวซีรี่ย์ Juvenile Justice หญิงเหล็กศาลเยาวชน

ตัวซีรีส์โดยรวมเล่าด้วยพล็อตแบบ ‘Courtroom Drama’ หรือเรื่องราวเกี่ยวกับการพิจารณาคดีความในชั้นศาลนั่นแหละนะครับ แต่ที่พิเศษและแตกต่างออกไปนั่นก็คือ เป็นซีรีส์ที่เจาะจงเล่าถึงกระบวนการยุติธรรมที่เกี่ยวกับการพิจารณาคดีเยาวชนโดยเฉพาะ เพราะตามหลักกฏหมายแล้ว เยาวชนที่อายุไม่เกิน 14 ปี จะต้องถูกตัดสินคดีตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชน ซึ่งจะมีโทษสูงสุดคือ คุมประพฤติระดับ 10 จนกระทั่ง ‘ชิมอึนซอก’ (Kim Hye-soo) ผู้พิพากษาสาวผู้เย็นชาเพราะแอบซ่อนอดีตขมขื่นไว้เบื้องหลัง ได้ย้ายเข้ามาทำงานเป็นผู้พิพากษาคนใหม่ของ ‘ศาลแขวงแผนกคดีอาญาเด็กและเยาวชนเขตยอนฮวา’ ดูหนังออนไลน์ 4k

ขึ้นชื่อว่าเป็นซีรีส์กฎหมายของเกาหลี ก็รับประกันความถึงพริกถึงขิงได้แม้จะยังไม่ได้ดู ในครั้งนี้ก็ได้เล่าถึงประเด็น Juvenile ที่แปลว่า “เด็ก” และ “เยาวชน” สื่อความหมายตรงตัวถึงคอนเซ็ปต์เรื่องนี้โดยตรง เพราะในความยาวซีรีส์ 10 ตอน เรื่องราวอาชญากรรมในเด็กได้ถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างเข้มข้นและน่าหดหู่ เล่นประเด็นตั้งแต่ปัญหาภายในครอบครัว, การศึกษา, ความรุนแรงทางเพศ และ ปัญหาของระบบกฎหมายและศาลที่อาจทำให้เยาวชนทำผิดได้ซ้ำ ๆ ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมืองหนือชั้นขึ้นไปอีกด้วยการแสดงที่เชือดเฉือนอารมณ์กันไปมาระหว่าง คิมฮเยซู ที่เคยฝากผลงานในฐานะนักแสดงนำไว้ในซีรีส์เรื่อง Hyena (2020) และ Signal (2016) ร่วมด้วยกับ คิมมูยอล เจ้าของผลงานภาพยนตร์เรื่องราวสุดพีคในพีค อย่าง Forgotten (2017) และหนึ่งในนักแสดงเรื่อง Grid (2022) ที่เพิ่งปล่อยออกมาให้ได้รับชมกันสด ๆ ร้อน ๆ เจ้าของผลงานภาพยนตร์เรื่องราวสุดพีคในพีค อย่าง Forgotten (2017) รีวิวซีรี่ย์ 

ส่วนในเกาหลีเรื่องนี้ถ้าอายุยังไม่ถึง 14 ปีจะใช้กฎหมายเยาวชนลงโทษไม่ได้ ทำได้แค่ส่งไปสถานพินิจมีโทษสุงสุด 2 ปี ส่วนถ้า 14 ปีขึ้นไปและยังไม่บรรลุนิติภาวะอายุครบ 20 ปีจะเป็นกฎหมายเยาวชนที่มีอัตราโทษกับหลักการพิจารณาแบบเยาวชนที่ต่างออกไปจากฎหมายผู้ใหญ่ มีโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี แต่ในการพิจารณาจะเป็นแบบปิดไม่เปิดเผย และมีการลดหย่อยผ่อนโทษอื่นๆ มากกว่าผู้ใหญ่

ซึ่งรายละเอียดเรื่องนี้คือประเด็นหลักที่เรื่องนี้ต้องการสำรวจตีแผ่และนำเสนอออกมาสู่ผู้ชมในสังคม  เชื่อเลยว่าใครที่ได้ดูตัวอย่างเรื่องนี้ก่อนคงคิดว่าจะมาในแนวดุเดือดโหดอำมหิตกับอาชญากรเด็กในแต่ละรูปแบบอย่างที่ตัวอย่างตัดมาให้เข้าใจแบบนั้น ซึ่งตัวเรื่อง 2 ตอนแรกก็ขายแบบนั้นด้วยการนำเสนอคดีเด็กอายุ 13 ปีฆ่าหั่นศพเด็กอายุ 8 ขวบอย่างเลือดเย็น ก่อนจะไปมอบตัวกับตำรวจแบบไม่สะทกสะท้าน

เธอจึงถือโอกาสนี้ ล้างบางวิธีการพิจารณาคดีเยาวชน ที่ปกติแล้วมักจะไม่ค่อยซับซ้อน และมักจะตัดสินคดีกันอย่างรวดเร็ว และไม่ได้ตัดสินดำเนินคดีหนักเท่ากับคดีผู้ใหญ่ ด้ายมอตโตประจำตัวเธอก็คือ “ฉันเกลียดอาชญากรเด็ก” เธอจึงยืนกรานที่จะตัดสินคดีเยาวชนแบบล้วงลูกตามวิธีการของเธอเองด้วยมุมมองที่ว่า เธอต้องการที่จะตัดสินคดีให้เยาวชนผู้กระทำผิดได้รับโทษอย่างสาสม สำนึกในความผิด

และเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่เกรงกลัวกฏหมาย พร้อมกับการปกป้องเหยื่อ (และญาติ) ผู้เคราะห์ร้าย ให้ได้รับความยุติธรรมอย่างถึงที่สุด แม้ว่าในอีกมุมหนึ่ง มันก็ดูจะขัดกับอุดมการณ์ของศาลเยาวชนแห่งนี้ ที่มอง (จากมุมของกฏหมาย) ว่า แม้จะกระทำผิดร้ายแรงแค่ไหแต่เยาวชนที่กระทำผิดก็ต้องได้รับการฟื้นฟู กล่อมเกลา ให้โอกาสที่สองแก่ผู้กระทำผิด เพื่อไม่ให้กลับมากระทำผิดซ้ำ

และกฏหมายก็ไม่มีสิทธิ์ตัดสินคดีเยาวชนด้วยบรรทัดฐานแบบคดีผู้ใหญ่ ที่เน้นการลงโทษให้เข็ดหลาบและเกรงกลัวกฏหมาย ซึ่งไอ้ช่องโหว่ตรงนี้แหละ ที่กลายเป็นว่า ทำให้อาชญากรเด็กบางคนก็ดีใจเสียด้วยซ้ำ เพราะสุดท้ายก็มักจะลงโทษสถานเบา และไม่ต้องติดคุก

ด้วยทักษะการแสดงที่ล้นเหลือทำให้ทั้งสองคนนำคาร์แรกเตอร์ตัวละครที่ต่างกันสุดขั้ว ออกมาเป็นคู่หูที่แสนเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์ คนหนึ่งร้อนแรง มีไฟยุติธรรมที่พร้อมจะปะทุอยู่ตลอดเวลา ส่วนอีกคนก็ใจเย็น เหมือนน้ำที่พร้อมเปิดใจรับฟังเด็ก ๆ นำทางเขาไปสู่ทางออกที่ดี ไม่เพียงแค่นั้น แต่ต้องขออวยยศนักแสดงทุกคน ตั้งแต่ทีมผู้พิพากษายันเยาวชนแต่ละตอนเลยว่า แสดงออกมาได้เข้าถึงอารมณ์มาก ๆ ทีมเยาวชน แม้จะอายุยังน้อย แต่บอกได้คำเดียวเลยว่าพวกเขาเหล่านี้ เล็กพริกขี้หนูอย่างแท้จริง! ในจำนวน 10 ตอน ซีรีส์ได้บอกเล่าเรื่องราวของ 6 คดีอาชญากรรมเกี่ยวกับเด็ก ที่มีตั้งแต่ความรุนแรงเล็กน้อยหรือความรุนแรงที่ส่งผลต่อคนวงแคบ ไปจนถึงคดีอาชญากรรมและคดีทุจริตที่ใหญ่ระดับประเทศ จะมีคดีไหนบ้างนั้น ก็มาเปิดแฟ้มคดีไปพร้อมกันเลย!

เรื่องราวในคดีแรกเรียกว่าจุดไฟให้ผู้ชมติดได้แน่ๆ เพราะมันเป็นอะไรที่จับต้องได้เป็นจริงในปัจจุบัน และส่วนใหญ่ก็คงมองเห็นว่าเป็นความไม่ยุติธรรมทางกฎหมายที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขในหลายๆ ประเทศ รวมถึงไทยด้วย ซึ่งตัวเรื่องเปิดประเด็นเรื่องการแก้กฎหมายเรื่องนี้ไว้ว่า ควรยกเลิกไปเลยใช้กฎหมายเดียวกับผู้ใหญ่ หรือเพิ่มบทลงโทษให้รุนแรงขึ้น หรือควรเน้นเพิ่มจำนวนความช่วยเหลือกับเด็กมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งตัวเรื่องพยายามเล่นปมนี้สอดแทรกไว้ตลอด เพื่อนำมาใช้เป็นเรื่องราวใหญ่ในตอนหลัง (แต่ไม่ใช่ไคลแม็กซ์ของเรื่อง) เนื้อเรื่องหลังจากนี้ก็เลยเป็นการสำรวจโลกของงานในศาลคดีเยาวชนมากกว่า ซึ่งก็กลายเป็นเรื่องจากที่ขึ้นต้นได้แรงพีคสุดๆ

ตัวบทต่อจากนี้พยายามจะเล่นปมอดีตความลับของนางเอกที่ทำไมเธอถึงโกรธแค้นอาชญากรเด็กขนาดนี้ แต่พอเรื่องเฉลยออกมาว่าเกี่ยวข้องยังไงกับหัวหน้าคนใหม่ กลายเป็นอะไรที่ค่อนข้างอ่อนมาก คือเจตนาของการเล่นปมความผิดพลาดของผู้พิพากษารุ่นเก่าน่ะดีอยู่ แต่มันกลับดูเป็นอะไรที่เฟคมักง่ายแบบชุ่ยๆ เลยก็ว่าได้ว่าผู้พิพากษาระดับนี้เป็นแบบนี้ กลับต้องให้นางเอกมาสอนการทำงาน สอนทัศนคติที่ดูแล้วย้อนแย้งในตัวเอง ย้อนแย้งกับความจริงของการทำงานผู้พิพากษาด้วย ซึ่งตัวเรื่องพยายามกลับมาบิ้วให้คดีสุดท้ายมีความแรงขึ้นมาหน่อย แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับคดีแรก แล้วให้คดีนี้ดูมีแอ็กชั่นการสืบสวนที่เข้มๆ ขึ้นมาจากช่วงก่อน แต่กลับเหมือนซีรีส์ยิ่งทำยิ่งเลอะ อะไรหลายๆ อย่างไม่สมเหตุผลเอามากๆ เพียงแค่ต้องการสร้างฉากดราม่าตามสไตล์เกาหลีเท่านั้น แต่มันเฟคสุดๆ จนกระทั่งฉากว่าความสุดท้ายของเรื่องเลย

ซึ่งก็ทำให้คนในกระบวนการยุติธรรมพลอยแอบใส่เกียร์ว่าง ไม่ยอมตัดสินคดีด้วยการพิจารณาคดีจากหลักฐาน แต่ใช้วิธีตัดสินคดีตามเนื้อผ้า ใช้กฏหมายตัดสินคดีให้พอผ่าน ๆ ไป เพราะกลัวคดีจะล้นมือ ยุ่งยาก และเจอตอโดยใช่เหตุ ผู้พิพากษาชิมอึนซอก ก็เลยต้องออกล้วงลูกคดีด้วยตัวของเธอเอง ซึ่งตลอดทั้ง 10 ตอนก็จะมีการแบ่งเป็นคดีต่าง ๆ ออกเป็นคดีละประมาณ 1-2 ตอนโดยเฉลี่ย

และเนื้อหาในแต่ละคดีก็จะมีความคาบเกี่ยวเนื้อหาต่อกันไปเรื่อย ๆ ซึ่งเราก็จะได้เห็นชิมอึนซอก ทำหน้าที่ผู้พิพากษาด้วยการใช้หลักฐาน และตัดสินด้วยกฏหมายแบบแรง ๆ สั่งสอนอาชญากรเด็กเหล่านั้นให้เข็ดหลาบ