รีวิวซีรี่ย์ Mouse (2021) ทริลเลอร์สับขาหลอก ปั่นประสาท

รีวิวซีรี่ย์ Mouse (2021) ทริลเลอร์สับขาหลอก ปั่นประสาท

ก่อนอื่นขอเล่าเรื่องย่อคร่าว ๆ Mouse เป็นซีรีส์ดราม่าทริลเลอร์แนวใหม่ เล่าเรื่องฆาตกรต่อเนื่องที่ตรวจพบว่ามียีนแสดงอาการทางจิตไซโคพาธ (Psychopaths) ตั้งแต่ยังเป็นตัวอ่อนในครรภ์ ซึ่งต่อมาได้ก่อเหตุสะเทือนขวัญจนผู้คนหวาดกลัว จนกระทั่ง จองบารึม (รับบทโดย อีซึงกิ) ตำรวจหนุ่มมือใหม่ได้กระโจนเข้าไปทำงานกับตำรวจสายสืบ โกมูจี (รับบทโดย อีจีฮุน) ผู้มีเป้าหมายเพียงอย่างเดียวคือการล้างแค้นให้กับพ่อแม่ที่ถูกฆาตกรโรคจิตฆ่าตัดคอตั้งแต่เขายังเด็ก เมื่อเหตุการณ์นำพาให้จองบารึมเผชิญหน้ากับฆาตกร ชะตาชีวิตของเขาจึงเปลี่ยนไปอย่างที่ใครก็ไม่สามารถคาดเดา ดูหนัง 

 

ซีรีส์เริ่มต้นที่การพูดถึงฆาตกรโรคจิต ที่ป่วยเป็นโรค ‘ไซโคพาธ’ (Psychopath) หนึ่งในกลุ่มของโรคบุคลิกภาพผิดปกติแบบต่อต้านสังคม และพูดถึงโอกาสในการให้กำเนิดผู้ป่วย ‘ไซโคพาธ’ ที่ได้รับการถ่ายทอดมาตั้งแต่ในครรภ์มารดา ผ่านการตรวจ DNA พร้อมคำถามที่ว่า ‘คุณจะตัดสินใจอย่างไร ถ้าลูกของคุณมี ยีนไซโคพาธ’ และ ‘ผู้ที่เป็นไซโคพาธ จะกลายเป็นฆาตรกรโรคจิตทุกคนหรือไม่’ ดูหนังออนไลน์

จุดเริ่มต้นของปมเหตุที่ยุ่งเหยิง

Ep1 เริ่มต้นด้วยการกล่าวถึงคดีฆาตรกรรมสะเทือนขวัญ เมื่อ 25 ปีที่แล้ว จากฆาตกรต่อเนื่องที่ถูกขนานนามว่า ‘นักล่าหัว’ เนื่องจากเหยื่อทุกรายที่เสียชีวิต จะเหลือเพียงร่างที่ไร้ศีรษะ เล็บถูกเจาะและบริเวณมือถูกสลักโค้ดบางอย่างเอาไว้ เชื่อมโยงปนเปไปกับ การให้กำเนิดเด็กที่มี ยีนไซโคพาธ และคดีฆาตกรรมที่เด็กบางคนมีส่วนเกี่ยวข้อง เด็กบางคนเป็นเหยื่อ และมีเด็กอีกหลายคนอาจเป็นผู้ต้องสงสัยในอนาคต เด็ก ๆ เหล่านี้จะเติบโตขึ้นไปเป็นตัวละครสำคัญต่าง ๆ ในเรื่องที่ทำให้ผู้ชมทั้งสับสน สงสัย ใครเป็นใคร ใช่ไหมนะ? มีความเกี่ยวข้องพันพัวต่อกันทางไหน DNA ที่เหมือนกันหรือความจำเป็นบังคับ ซึ่งซีรีส์จะค่อย ๆ เฉลยแบบไม่เฉลยให้เราปวดตับเล่น ๆ ไปเรื่อย ๆ จนแทบจะร้องขอชีวิตกันเลยทีเดียว

ตัวละครเด็กที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีสยองขวัญเมื่อพวกเขาโตขึ้น ไม่ได้มีเพียงเท่านี้นะคะ แต่ซีรีส์จะกำเนิดตัวละครย้อนวัยออกมาให้เราเห็นได้อีกในเกือบ ๆ กลางเรื่อง หลังจากที่ผู้ชมโดนแกงแล้วแกงอีก เรียกว่าต้มที่หม้อนู้น แล้วมาตุ๋นต่อที่หม้อนี้ เปื่อยอร่อยจนแทบไม่ต้องเคี้ยวกันเลย

เรื่องเปิดมาด้วยความน่าสงสัยกับพฤติกรรมประหลาดของเด็กคนหนึ่ง  แล้วก็ตัดมาที่การฆาตกรรมของฆาตกรต่อเนื่องที่เรียกขานว่านักล่าหัว ที่ทิ้งความสยดสยองไว้ให้ประชาชนได้ขนลุก  และเหยื่อรายสุดท้ายก็เป็นครอบครัวที่มาตั้งแคมป์และเหลือรอดมาเพียงเด็กชายที่เป็นน้องสุดท้อง  ส่วนคนพี่ชายบาดเจ็บสาหัส  พ่อและแม่ต้องตายไปด้วยความสยดสยอง  แต่กระนั้นก็สามารถจับตัวฆาตกรได้ด้วยความประมาทของฆาตกรเอง  ระหว่างนั้นทางรัฐบาลก็มีการพิจารณาออกกฎหมายทำแท้งเด็กทารกที่มียีนไซโคพาธ ที่เป็นยีนพิเศษที่แสดงออกถึงความรุนแรงและไร้อารมณ์  จนกระทั่งกลายมาเป็นฆาตกรต่อเนื่อง

ทว่า  ก็ยังมีหนึ่งเปอร์เซ็นต์ที่เป็นความขัดแย้งนั้นคือหนึ่งคนที่มี DNA ของยีนนี้อาจเป็นอัจฉริยะก็ได้  แต่กฎหมายนี้ก็ถูกล้มไป  อีกทางคือมีคุณแม่ที่ตั้งครรภ์สองคนที่พบว่าลูกในท้องของตนมียีนที่ว่า แล้วต้องเลือกว่าจะตัดไฟที่ต้นลมหรือไม่  ตัดมาที่ปัจจุบันมูจี (อีฮีจุน)เด็กชายผู้รอดชีวิตจากอดีตที่ตอนนี้กลายมาเป็นตำรวจสายสืบ  ที่เต็มไปด้วยความแค้นฆาตกรไซโคพาธอย่างฝังใจ  และมุ่งหมายจะฆ่าฆาตกรที่ฆ่าพ่อแม่ของตนที่แม้จะได้รับการตัดสินประหารชีวิตไปแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ตายตกตามกันไป  แล้วก็มีเหตุฆาตกรรมเกิดขึ้นอีก  หนึ่งในนั้นคือเพื่อนของเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจจองบารึม (อีซึงกิ) เจ้าหน้าที่ผู้เป็นมิตรและจิตใจดี การสืบสวนจึงมีเจ้าหน้าที่จองมาร่วมด้วย

สองแม่ผู้ให้กำเนิด

ซีรีส์ทำให้เราเห็นแน่ ๆ ตั้งแต่แรกแล้วว่า มีผู้หญิงครรภ์แก่สองคนหรือมากกว่านั้น ที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นผู้ให้กำเนิดฆาตกรในอนาคต จาก ep1 ที่เป็นการเล่าย้อนไปที่เรื่องราวของ ‘นักล่าหัว’ เมื่อ 25 ปีที่แล้ว ภรรรยาของคุณหมอ ‘ฮันซอจุน’ (อันแจวุค) ศัลยแพทย์สมองมือทอง ซึ่งก็คือผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง ‘นักล่าหัว’ ที่ถูกจับได้จากการที่เธอเองเป็นพยาน กำลังตัดสินใจกับการให้กำเนิดทารกในครรภ์ ถ้าคุณเป็นพวกเธอคุณจะทำอย่างไรดีล่ะ?

 

ซีรีส์ใส่คำถามประเดประดังมาตั้งแต่เริ่มต้นชนิดที่ว่าถามเยอะถามเก่ง ถามจนไม่รู้จะหาคำตอบอะไรก่อนหลัง และแน่นอนว่าปวดกบาลเหลือเกินกับปมหลักและความลึกลับซับซ้อน ที่อัดแน่นเอาไว้ตั้งแต่ Ep แรก ๆ ทำให้การไปต่อในตอนต่อ ๆ ไปต้องพักแปปและย้อนกลับมานับ 1 ใหม่อีกครั้ง ด้วยความอยากรู้ (แนะนำว่า ดูไปจนถึง Ep2 แล้วให้ย้อนกลับมาดู Ep1 อีกรอบ จะสบายใจมากขึ้น) ดูหนัง 4k 

ซีรีส์เล่นประเด็นกับความสงสัยจนเราไม่อาจปล่อยผ่าน และที่สำคัญทำให้เราไม่ยอมเทซีรีส์เรื่องนี้ไปง่าย ๆ แต่กลับจะหาคำตอบในการสืบสาวราวเรื่องไปพร้อม ๆ กับตัวละครในเรื่องให้จงได้ จนมีการเปิดตัวละครหลักออกมาแบบเบรกอารมณ์ ด้วยการเติบโตของหนึ่งในตัวละครเด็กที่ อ้าว!! ไม่ใช่พระเอกหรอกเรอะ แต่ก็เป็นตัวเอกที่ยืนยิ้มอยู่บนโปสเตอร์แหละจ้ะ

‘โกมูจี’ (อีจีฮุน) ตำรวจเลือดร้อนที่มีปมแค้นกับนักล่าหัวเมื่อ 25 ปีที่แล้ว เพราะเขาคือหนึ่งในเด็กที่เป็นเหยื่อ พ่อแม่ถูกฆ่าตัดหัว และพี่ชายถูกทำร้ายจนพิการ เหตุการสยดสยองเหล่านั้นเขาในวัยเด็กเห็นมันกับตาและเป็นผู้ชี้ตัวฆาตกร เขาตั้งมั่นว่าจะจองล้างฆาตกรโรคจิตที่เป็น ไซโคพาธ ให้จงได้ เพื่อจะเข้าไปจัดการกับฆาตกรที่ฆ่าพ่อแม่ของเขาในคุก

 

มิติใหม่ของซีรีส์เรื่องนี้คือ การหยิบเอาคำสอนของศาสนาและประเด็นทางศีลธรรมมาเล่าผ่านเหตุการณ์ฆาตกรรมต่อเนื่อง ด้วยปมหลักของเรื่องที่ตั้งคำถามกับคนเป็นแม่ หากรู้ว่าลูกที่กำลังจะคลอดออกมาต้องกลายเป็นฆาตกร จะปล่อยให้หนึ่งชีวิตออกมาเข่นฆ่าอีกหลายสิบชีวิตหรือไม่ ในขณะที่หลายช่วงหลายตอนยังเสียดสีความเชื่อทางศาสนาได้อย่างเจ็บแสบ มีการกล่าวโทษพระเจ้าว่าเป็นผู้ปลุกปีศาจในตัวฆาตกรออกมาด้วยซ้ำไป แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้ทำให้การดำเนินเรื่องน่าเบื่อหรือหนักไปทางปรัชญาแต่อย่างใด มีเหยื่อฆาตกรรมโผล่ออกมาเรื่อย ๆ จบตอนที่สองไปพร้อมกับการทิ้งปมปริศนาครั้งใหญ่ ที่ทำให้รู้สึกว่าชายหนุ่มแสนดีอย่างจองบารึม สุดท้ายเขาจะกลายเป็นฆาตกรไปด้วยก็เป็นได้ ดูหนังออนไลน์ 4k

 

ประจวบเหมาะกับที่เขาได้มาพบ ‘จองบารึม’ (อีซึงกิ) ตำรวจใหม่ผู้อ่อนโยน ผู้คนต่างชื่นชมและตั้งฉายาให้เขากันว่า ‘ฮีโรของประชาชน’ เพราะความใส่ใจของเขา ทำให้เขาเป็นที่รักของผู้คนในย่านกูดง ย่านที่เขาทำงานเป็นตำรวจชั้นผู้น้อย จนคุณยายของ ‘โอบงอี’ (พัคจูฮยอน) วาดฝันว่าอยากได้เขาเป็นหลานเขย เรื่องราวดำเนินไปหลังจากนี้ด้วยการตามล่า ฆาตกรต่อเนื่องรายใหม่ ที่ไม่ใช่นักล่าหัวแน่ ๆ เพราะนางอยู่ในคุก แต่จะเป็นใครนั้นไม่อาจฟันธงเพราะโดนแกงจนเปื่อยไปหมดแล้วจ้ะ แต่ที่แน่ ๆ ก็คือ ชีวิตของ ‘จองบารึม’ นายตำรวจผู้อ่อนโยนและสะบักสะบอมได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อเขาได้เผชิญกับฆาตกรโรคจิตที่มี DNA ไซโคพาธ ตั้งแต่กำเนิด คดีนี้เป็นคดีที่มีเงื่อนปมสลับซับซ้อน สั่นหัวใจจนปวดร้าว มีคนสูญเสียและมีเหยื่อที่คนดูต้องร้องไห้

จากลูกสู่ฆาตรกร

จริงเหรอที่เด็กที่มียีนไซโคพาธจะต้องเติบโตมาเป็นฆาตกรโรคจิตทุกคน ซีรีส์เรื่องนี้เผยให้เห็นว่าการปรักปรำนี้ช่างใจร้าย สังคมรอบข้างและการเลี้ยงดูต่างหากล่ะที่ผลักให้พวกเขากลายเป็นคนแบบนั้น ไม่ยุติธรรมเลยที่พวกเขาจะถูกตราหน้าว่า ‘ลูกของฆาตกรโรคจิตก็ต้องเป็นฆาตกรโรคจิตเหมือน ๆ กัน’ ความกดดันต่าง ๆ สภาพแวดล้อมและน้ำมือมนุษย์ ไม่มีส่วนในการสร้างฆาตกรให้กับโลกนี้เลยเชียวเหรอ นี่เป็นคำถามที่ไม่อาจที่จะตอบออกมาได้อย่างตรงไปตรงมา เพราะโดนแกงมาเยอะแล้ว ซีรีส์เล่นกับความกดดันในวัยเด็กจนทำให้เด็กคนหนึ่งต้องอ้อนวอนต่อพระเจ้า ‘ช่วยเอาปีศาจออกไปจากตัวผมที’ เด็กชายแจฮุน โดนตำรวจจับในข้อหาฆาตกรรมพ่อเลี้ยงและน้อง ๆ แต่เครื่องจับเท็จให้ผลว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ เขาอ้อนวอนด้วยน้ำตา เขาไม่อยากเป็นคนนั้น ความหวาดกลัวต่อปีศาจในตัวเองทำให้แจฮุนคิดไปว่า ‘พระเจ้าไม่ตอบคำอธิษฐาน’ ภาพตัดไปจากวันนั้นจนถึงวันที่เกิดคดีฆาตกรโรคจิต คร่าชีวิตผู้คนด้วยวิธีการแปลกประหลาด เป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ทิ้งปริศนาและเล่นล่อเอาเถิดกับ ‘โกมูจี’ นายตำรวจที่มีปมแค้นกับฆาตกรประเภทนี้เป็นทุนเดิม

เสียงของฆาตกรบรรยายแรงจูงใจที่แอบจิตน้อย ๆ เหตุของการกระทำที่กล่าวโทษและเย้ยหยันพระเจ้าด้วยการใช้หลักของ ‘บาปเจ็ดประการ’ และนิทานสำหรับเด็ก (บาปเจ็ดประการได้แก่ อัตตา โลภะ ราคะ ริษยา ตะกละ โทสะ และเกียจคร้าน) ในการก่อคดีฆาตกรรม ที่เป็นข้อแม้ให้ ‘โกมูจี’ ขบคิดในการช่วยเหลือเหยื่อรายล่าสุด ด้วยการออกรายการของ  ‘ชเวฮงจู’ (คยองซูจิน) โปรดิวเซอร์รายการ ‘เชอร์ล็อกฮงจู’ ตัวละครตัวนี้มีความลับบางอย่างที่เป็นส่วนผสมของแกงหม้อใหญ่ ที่ได้เปิดฝาจากการไขคดีชวนพิลึกพิลั่นนี้เลยละจ้ะ เรียกว่าเปิดไฟตุ๋นกันมาเรื่อย ๆ รู้ตัวอีกที อ้าว!! ฉันโดนหย่อนลงหม้อแกงไปแล้วสินะ รีวิวซีรี่ย์ 

ถ้าจะว่ากันตามจริงเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ใหม่เลย  กลับกันคือนี่คือเรื่องที่ทางเกาหลีเล่นมาแล้วนักต่อนัก เรื่องของฆาตกรต่อเนื่องการสืบสวนเข้มๆปมประเด็นที่ยิบย่อยและพัวพันกันเป็นร่างแหที่แก้ยาก  แต่ความเก่งของเกาหลีทั้งในงานหนังหรือซีรีส์ที่ต้องยอมรับอยู่อย่างคือการเอาของเก่ามาเล่าให้มีความใหม่ เช่นเรื่องนี้ที่เอาของเก่ามาเล่าด้วยชั้นเชิงเดิมเพียงแต่จังหวะเวลามันลงตัว  ชั้นเชิงที่ว่าคือการเปิดหน้าแล้วมาเฉลยซึ่งมันคือชั้นเชิงที่ถนัดมืเหลือเกินของเกาหลีที่ได้เห็นแม้กระทั่งงานที่มีโทนเบากว่านี้  แต่กับเรื่องนี้คือการเล่นในภาพใหญ่คือเรื่องโดยรวม  ด้วยการเล่าปัจจุบันให้สงสัยแล้วไปคลายปมในตอนท้าย  และมันคือการเคลียร์สิ่งที่พัวพันกันมาทั้งเรื่องได้ลงตัวอย่างที่สุด

ตุ๋นต่อไม่ต้องรอกันเลยนะ

หากจะบอกว่าซีรีส์เรื่องนี้เป็นซีรีส์แห่งการต้มยำทำแกงคนดู ก็ไม่ผิดไปจากคำพูดนี้หรอกจ้ะ สายทริลเลอร์ไม่ควรพลาด เพราะบรรดาพ่อครัวหัวกะทิต่างจงใจกันสับขาหลอก ให้เราหลงและลุ้นระทึกไปกับวังวนของการตามล่าหาฆาตรกรตัวจริง ที่เป็นตัวจริงของตัวจริงอีกทีกันอย่างปวดกบาล ใครคือฆาตรกรกันแน่และฆาตรกรจริง ๆ แล้วมีกี่คน โอ้ยสับสนจนต้องร้องหาโคนัน เป็นซีรีส์เรื่องแรกที่ดูแล้วกระตือรือร้น หาปากกามาจดชื่อตัวแสดง หาความเชื่อมโยง ความเป็นไปได้แล้วก็คิดขึ้นได้ว่า นี่ฉันทำไปเพื่ออะไรกันเนี่ย

ไม่ต้องพูดไปถึงเทคนิคด้านอื่น ๆ ที่ส่งอารมณ์ให้น่าติดตาม ทั้งซาวด์สั่นประสาท แสงทึม ๆ แกมเหลืองที่ชวนสงสัย เอาแค่บทที่คนเขียนบทบรรจงเขียนมาเสิร์ฟคนดู ก็ส่งให้ซีรีส์เรื่องนี้เป็นซีรีส์ดราม่า ระทึกขวัญ อาชญากรรมที่ทำให้ลุ้นและอดที่จะขบคิดตามไม่ได้ ถึงแม้ความคิดของเราจะเป็นการเดาที่ไม่ค่อยจะถูกเลยก็ตาม  ซึ่งชั้นเชิงแบบนี้มักจะได้ผลดีในงานหนังที่เวลามีแค่จำกัด  แต่กับงานซีรีส์บางทีอาจจะมาช้าไปจนทำให้ความสงสัยที่มากเกินไปทำให้สมองผู้ชมล้าและท้อที่จะตาม  เพียงแต่กับเรื่องนี้ความเยี่ยมมันคือนอกจากการเล่นเชิงแบบนี้ในภาพรวมแล้ว  สิ่งที่ทำให้อัตราความน่าติดตามของผู้ชมยังคุกรุ่นอยู่เสมอคือในภาพย่อยลงมาในเรื่องของฆาตกร  ที่ไม่ได้มีมาแค่คนเดียวแต่ซอยออกไป  ด้วยความกล้าที่จะเปิดหน้าฆาตกรออกมาแล้วเล่นเกมแมวจับหนูแทนที่จะเร้นไว้ให้สงสัยซึ่งก็ได้ผลอีก  และที่ย่อยลงไปอีกคือเหตุการณ์ยิบย่อยที่เป็นจุดเล็กๆที่เป็นตัวแปรของการสืบสวนหรือการค้นหาความจริงก็ยังใช้เชิงแบบนี้  ซึ่งเรียกได้ว่าใช้ถึงสามระดับคือภาพรวม  ภาพรอง  และเรื่องย่อยในภาพเล็ก มันจึงทำให้เรื่องเข้มข้นในทุกตอน

เบาะแส เหยื่อ และความสัมพันธ์

ซีรีส์เริ่มต้นและสานต่อมาเรื่อย ๆ ด้วยเบาะแสที่เกี่ยวโยงกับความสัมพันธ์ ที่ไม่ใช่เพียงความสัมพันธ์ทางสายเลือด หากแต่เป็นความสัมพันธ์ที่ลึกลับ ซ่อนเร้นระหว่างคนหนึ่งกับอีกคนหนึ่งอย่างคาดไม่ถึง ใครเลยจะรู้ว่าการกระทำของคนคนหนึ่ง มีเหตุผลมาจากอะไร ใครเลยจะเข้าใจว่าสิ่งต่าง ๆ ที่เขาได้ตัดสินใจทำคือสิ่งที่มนุษย์จะสามารถตัดสินใจด้วยความจำเป็นลงไปได้ แต่คนเขียนบทก็สามารถเขียนให้สิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นสามารถเกิดขึ้นได้อย่างน่าเชื่อจนต้องปรบมือ

MOUSE 4

เราสามารถจำนนต่อเหตุผลของตัวละคร ที่เราอาจไม่เห็นด้วยเลยสักนิดได้อย่างง่าย ๆ สงสาร โกรธแค้น หวาดกลัวถ้าหากคนเช่นนี้มีอยู่จริง จิตตกและใจหวิวไปกับชะตากรรมของเหยื่อที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ และเหยื่อที่ถูกทำให้เป็น…? เพื่อจุดประสงค์แห่งความหยิ่งผยองและคิดว่าจะสามารถเท่าเทียม…? บทที่ใส่เข้ามาในทุกช่วงทุกตอนสามารถทำให้รู้สึกได้แบบนั้น และเป็นที่มาของคำว่า ‘Mouse’ บวกกับฝีมือการแสดงที่กินขาดทุกท่วงท่าของ ‘อีซึงกิ’ ที่เป็นทั้งตัวเอกและตัวปริศนาชวนสงสัย จนเรื่องดำเนินมาใกล้ถึงตอนจบอยู่รอมร่อ ความสงสัยและเงื่อนปมต่าง ๆ ก็ยังแอบซ่อนไว้ให้แกะออกทีละปม บอกเลยว่าคนดูยังไม่ได้ออกจากหม้อแกงเลยนะจ๊ะ และสามารถย้อนกลับไปกินปมต้นเรื่องได้อีกหลายคำ

MOUSE 5

ทั้งที่ความจริงมันคือเรื่องแบบเดิมชั้นเชิงเดิม แต่กับเรื่องนี้คือการใช้ครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้ผู้ชมมีอารมณ์สงสัยไปสุดทาง ด้วยการวางเกมสับขาหลอกกับตัวละครมากมายที่เกี่ยวพันกันเหมือนพรหมลิขิต  ทุกตัวละครมีส่วนเกี่ยวพันกันหมดเกี่ยวกันจนบางครั้งลืมไปเลยว่าใครเป็นใคร  และอาจมีบ้างที่เข้าใกล้ความระทมกบาลจากตัวละครที่เกี่ยวกันไปมา แต่ก็ไม่ใช่ว่าเรื่องจะดูยากจนต้องหายาพารามากิน เรื่องยังคงเดินหน้าไปด้วยการเก็บเล็กผสมน้อยเพื่อเคลียร์ทีละปมเพื่อไปสู่ภาพใหญ่และเล่นใหญ่ตามสไตล์เกาหลี  ซึ่งจัดมาอย่างได้ผลเมื่อมองไม่เห็นริ้วรอยของความไม่สมเหตุผลในทุกเหตุการณ์ แต่ก็มีข้อแม้คือกรุณาวางโทรศัพท์ไว้ให้ไกลหลีกห่างจากพฤติกรรมใดให้เสียสมาธิ มิเช่นนั้นก็ต้องมีย้อนกลับมาดูซ้ำแน่นอน  และสุดท้ายเมื่อเลือกจะให้ผู้ชมงุนงงสงสัยแต่เมื่อมันสงสัยไปสุดทาง  แล้วเรื่องก็คลี่คลายอย่างลงตัวว่าแท้จริงแล้วทำไมเรื่องถึงชื่อว่า Mouse