รีวิวซีรี่ย์ Mr.Sunshine
แต่เดิม ผู้เขียนตั้งใจจะโพสต์บทความของหนังเกาหลีเรื่อง Luck – Key ที่ได้แนะนำให้รุ่นน้องคนสนิทไปหาดู เพื่อให้รู้คำตอบที่ว่า งานทางเกาหลีไม่ได้ยัดเยียดดราม่า แต่ว่ามันคืออัตลักษณ์ แต่ทว่าไฟในการเขียนบทความ (ขนาดยาว) ของผู้เขียนก็กลับมาคุโชนอีกครั้ง และจำต้องแซงคิวมาก่อน นั่นเป็นเพราะว่า ทันทีที่ดูงานซีรีส์ที่ผู้เขียนเองดองไว้จนได้ที่ ดูหนัง
ทั้งที่มีท่านผู้อ่านแนะนำมาว่าเป็นงานที่ต้องดูเท่านั้น แต่ อุปสรรคที่กั้นขวางระหว่างผู้เขียน กับซีรีส์เรื่องนี้มีอยู่สองประการ หนึ่งคือการเป็นซีรีส์พีเรียด ด้วยเหตุที่เข็ดจากซีรีส์พีเรียดเรื่องหนึ่ง ที่ไม่ขอเอ่ยถึงซึ่งแม้จะดูดี แต่มันเลอะเทอะด้วยการวางความร่วมสมัย ใส่ลงไปในความเป็นพีเรียด จนทำให้ไม่อาจฝืนไปต่อได้ และเข็ดขยาดกับงานประมาณนี้ ดูหนังออนไลน์
อีกหนึ่งคือความมากด้วยจำนวนตอน ที่เห็นว่าเกินปกติของซีรีส์เกาหลี เพราะโดยปกติที่ได้ดูมาโดยมากมักจะมีเพียงสิบหก หรือเต็มที่ก็ยี่สิบตอน แต่เรื่องนี้ ปาเข้าไปยี่สิบสี่ตอน และมันทำให้อยู่ในสถานะดองเค็มมานาน และนั่นเกือบกลายเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิต ซึ่ง หากไม่มีนารีขับยานอวกาศมากอบกู้หัวใจแล้วเล่า ดูหนัง 4k
คงจะเลื่อนผ่านไปจนกระทั่งกลายเป็นตราบาปในหัวใจที่ไม่ได้ดู ทั้งที่การดูหนังหรือซีรีส์เป็นเหมือนปัจจัยหลักในชีวิตผู้เขียนไม่ต่างจากการรับประทานข้าว นารีผู้กอบกู้จิตวิญญาณและหัวใจที่มีนามว่า คิมแทรี อันสืบเนื่องมาจากการดูหนังไซไฟ ที่เป็นประเด็นเรื่องการยัดเยียดดราม่าของเกาหลี จากปากคำของรุ่นน้องที่ได้พบเจอมาในโซเชียลมีเดีย Space Sweepers คือหนังเรื่องนั้น ดูหนังออนไลน์ 4k
ซึ่ง สิ่งที่ผู้เขียนมองเห็น ภายไต้บุคลิกห้าวๆแต่ขบถของ กัปตันจาง ในเรื่องนั้นคือ แววที่ฉายออกมาอย่างลี้ลับ พลังดาราที่เปล่งประกายออกมาจากคาแร็คเตอร์ เสน่ห์ที่มีอยู่ในความห้าวและแกร่ง จึงนำมาซึ่งการหาข้อมูลและปรากฏว่า คิมแทรี มีผลงานที่คิดว่าจะดู แต่ก็ไม่ดูมาตั้งนานอย่างเรื่องนี้ จึงจำเป็นต้องพิสูจน์ว่า รีวิวซีรี่ย์
พลังลี้ลับบางอย่างที่มีในคาแร็คเตอร์ กัปตันจาง เป็นเพราะบทและคาแร็คเตอร์ส่ง หรือว่า มันมาจากพลังการแสดงของ คิมแทรี และจากความตั้งใจเพียงแค่นี้ กลับทำให้ได้สัมผัสงานซีรีส์ ที่คงเรียกว่าดีที่สุดในนิยามของคำว่า โรแมนติกดราม่าอิงประวัติศาสตร์ ที่คำว่ายอดเยี่ยมคงยังไม่พอ และจากนี้ไปคือบทความขนาดยาวจริง เพราะเขียนให้สั้นไม่ได้ ด้วยความที่งานซีรีส์เรื่องนี้ ละเอียดลออ ละเมียดละไมในทุกอณูMr. Sunshineสุภาพบุรุษตะวันฉาย
เรื่องราวของคนห้าคน สองหญิงสามชายที่มีชะตากรรมผูกพันกัน กับชะตาของประเทศเกาหลี หรือที่เรียกว่าโชซอนในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 หนึ่งคือลูกทาสที่ต้องหนีเพื่อเอาชีวิตรอด จากความโสมมของระบบศักดินา ชเวยูจิน คือนามนั้น และเด็กน้อย ยูจิน ก็แบกหนี้ชีวิตบิดามารดาหนีไปอเมริกา อีกหนึ่งคือลูกคนค้าเนื้อที่เป็นชนชั้นต่ำ
จนต้องหนีเอาชีวิตรอด และแบกหนี้ชีวิตบิดามารดาไปยังญี่ปุ่น อีกหนึ่งคือคุณชายผู้โก้หรู นายน้อยจากชนชั้นสูงผู้ร่ำรวย หากแต่ต้องแบกรับกรรมของการกระทำต่ำช้าของตระกูล อีกหนึ่งคือเจ้าของโรงแรมที่เงาปริศนาในเบื้องหลัง ที่มองดูก็รู้ว่าหอบรอยแผลบาดลึกมาจากญี่ปุ่น และสุดท้ายคือทาริกาที่ต้องถูกหอบหิ้วมาจากญี่ปุ่น คุณหนูชนชั้นสูงที่เป็นทายาทของขบวนการกู้ชาติเกาหลี
สามสิบปีให้หลัง หลังจากการหลบหนีของลูกทาส เขากลับมาในนามนายทหารจากกองทัพสหรัฐอเมริกานามว่า ยูจีนชเว(อีบยองฮอน) ส่วนลูกชายคนขายเนื้อ ก็ได้กลับมาในคราบซามูไรยากูซ่านามว่า กูดงแม (ยูยอนซอก)นายน้อยชาติตระกูลสูงก็ต้องกลับมาเพื่อแต่งงานนามว่า คิมฮีซุง (บยอนโยฮัน) และทาริกานั้นที่กลายมาเป็นศูนย์กลางของเรื่อง
เป็นศูนย์กลางของหัวใจ เมื่ออุดมการณ์ในใจ ทำให้กลายเป็นหนึ่งในขบวนการกู้ชาติ ออกสังหารพวกขายชาติในยามราตรี แต่ในชีวิตปกติเป็นคุณหนู โกแอชิน (คิมแทรี) ซึ่ง หาก โกแอชิน คือศูนย์กลางของหัวใจของชายสามคน ที่ต่างที่มาแต่หัวใจเดียวแล้ว ศูนย์กลางความสัมพันธ์ ที่เริ่มต้นด้วยความเหม็นขี้หน้า
ก่อนพัฒนามาเป็นแนบสนิทของทุกคน ก็อยู่ที่โรงแรมกลอรี่ของ คุโด ฮินะ (คิมมินจอง) หญิงม่ายผู้มีแผลใจและปูมหลังที่ลึกลับ คนห้าคนผู้สัมพันธ์กันด้วยความรัก บนสถานการณ์อันง่อนแง่นของโชซอน ในยุคที่ถูกต่างชาติเข้าครอบงำทั้ง รัสเซีย ญี่ปุ่น และกระทั่งสหรัฐอเมริกา
แต่ทว่า เมื่อมีผู้รักชาติย่อมมีผู้ขายชาติ จากเป้าหมายเดียวกันทำให้คุณหนู โกแอชิน ได้พบกับ ยูจีน ในนามชาวต่างชาติที่หน้าตาเหมือนพวกเรา หากแต่แม้จะเริ่มต้นด้วยความคลางแคลง แต่หัวใจกลับไม่อาจต้านทาน ความรักระหว่างสองคนต่างชนชั้นจึงเกินขึ้น และยังเป็นรักหลายเส้าเมื่อหัวใจของชายอีกสองคนก็มี โกแอชิน อยู่ข้างใน
เรื่องราวเล่าผ่านเหตุการณ์หน้าประวัติศาสตร์ ที่ไม่น่าจดจำของชนชาติเกาหลี ร้อยเรียงเรื่องราวความรัก ที่พัวพันเป็นร่างแหเข้ากับอุดมการณ์ ความรักชาติ การเสียสละ และบทสรุปที่กล้าหาญในการมองโลกด้วยความเป็นจริง กล้าที่จะหักหาญหัวใจผู้ชม แต่กระนั้น กลับกลายเป็นความลงตัวที่แสนวิเศษ
นี่คือการรังสรรค์งานด้านบทละคร ที่ต้องเรียกได้ว่าดีที่สุดเรื่องหนึ่ง เท่าที่ได้สัมผัสมาจากงานเกาหลี ด้วยความที่เรื่องที่เล่าออกมา ถูกเล่าบนรากฐานของเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์ แล้ววางเรื่องราวและตัวละครที่แต้มแต่งลงไป ที่ต้องยอมรับว่ามากมายเหลือเกิน ซึ่ง คือมันต้องมีทั้งตัวละครที่มีตัวตนจริง
และแน่นอนว่า ตัวละครหลักในการเดินเรื่อง ต้องเป็นสิ่งที่แต้มแต่งลงมา ให้มีความสวยงามและมิติเพื่อความบันเทิง แต่แค่เฉพาะตัวละครหลักก็มีมากถึงห้าคน และยังต้องรวมตัวละครที่รายล้อมคนทั้งห้าเข้าไปอีก และมันคือความเยอะในจำนวนมหาศาล ถ้านับจากงานที่ได้ดูเรื่องอื่นๆมา แต่ทว่า บทก็เก็บรายละเอียดได้ทุกฝีเข็ม
ไล่ตั้งแต่เริ่มต้นของที่มาของตัวละครทั้งห้าคน ที่เริ่มตั้งแต่จุดเริ่ม และค่อยมาเป็นเรื่องราวที่เล่าในปัจจุบัน ความละเอียดนั้น อาจทำให้จำนวนตอนที่ฉายมากขึ้นอีกอย่างน้อยสี่ตอน หรือกระทั่งแปดตอนตามมาตรฐาน แต่ หากแม้นโดยทั่วไปการที่ลงรายละเอียดมากขนาดนี้ จะต้องมีอาการเนือยหรือยืดบ้าง
แต่เรื่องนี้กลับไม่ ทุกรายละเอียด ทุกตัวละครเล็กน้อย ล้วนแล้วแต่มีผลต่อเรื่องไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และที่น่าทึ่งคือทุกคนมีบทสรุป ไม่ได้ถูกหลงลืมหรือละเลยให้ยากอธิบาย หรือกังขาแม้แต่คนเดียว มันจึงทำให้จำนวนตอนที่มากกว่าไม่มีผลอะไรเลย เพราะบทออกมาแน่น โครงเรื่องแข็งแรงมากพอ
และสิ่งที่ทำให้เรื่องนี้มีความละเมียดมากขึ้น คือการวางความรักที่มีอุปสรรค ทั้งเรื่องของชนชั้น ปูมหลังของแต่ละคน สภาวะหรือตัวตนของแต่ละคนที่ต่างกัน หรือกระทั่งอุดมการณ์และเหตุการณ์บ้านเมือง และด้วยความละเอียดอย่างที่ว่า ตัวละครทุกตัวคือมีความต่าง ที่ล้วนแต่เป็นรอยแผลและมีความขัดแย้งในใจทุกคน
แต่ ไม่มีคนไหนล้น หรือขาดแม้แต่คนเดียว ทั้งที่มิติมีมากมายขนาดนั้น อีกสิ่งหนึ่งคือความฉลาด หรือจะเรียกว่าความกล้าก็คงใช่ เมื่อบทกล้าที่จะเล่าเรื่องที่เป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ ที่ไม่น่าจดจำของชนชาติ แต่ แม้จะเห็นความรักชาติอยู่ในเนื้อหาและทิศทาง แต่ไม่เชิดชูหรือยัดเยียดมากจนน่าเกลียด และความความดีงามที่เป็นคือ ผู้ชมแทบจะแยกไม่ออกระหว่างเหตุการณ์จริงกับสิ่งที่แต่งแต้มลงไป
หรืออาจเรียกได้ว่า แม้สมองผู้ชมจะรู้ทั้งรู้ว่า เรื่องราวความรักหรือตัวละครที่ผู้ชมรักคือตัวละครสมมติ แต่หัวใจผู้ชมยังอยากเชื่อทั้งใจว่ามันคือเรื่องจริง อีกความกล้าอย่างที่สุดคือการกล้าที่จะเปิดโปงความเลวร้ายของทหารญี่ปุ่น ที่ในตอนนั้นไม่ต่างจากปีศาจในคราบมนุษย์ ที่ทำให้กลายเป็นแผลที่ยากจะประสาน
ของทั้งสองประเทศมาจนปัจจุบัน ซึ่ง โดยรวมแล้วนี่คือบทที่ละเอียดละเมียดที่สุด ที่อธิบายแม้กระทั่งการได้สัญชาติอเมริกันของ ยูจีน ที่เป็นคนเอเชียที่พลัดถิ่นไปอยู่ในอเมริกา และความที่ไม่ละเลยกระทั่งเรื่องเล็กเรื่องน้อย เลยทำให้นี่คือบทละครที่เนี้ยบที่สุดที่เคยได้เห็นมาอีกเรื่องในชีวิต
หากการเล่าเรื่องที่มากด้วยตัวละครจนแทบสาธยายไม่หมด และด้วยจำนวนตอนที่มาก สิ่งที่จะตามมาคือผู้ชมพร้อมที่จะหลงลืม โดยเฉพาะตัวละครปลีกย่อยที่ผ่านมาในเรื่องราว แม้ว่า ตัวละครนั้นๆจะมีผลต่อเรื่องก็ตาม แต่ ความเป็นเกาหลีที่มีชั้นเชิงเฉพาะตัว ด้วยการเปิดก่อนแล้วย้อนมาเฉลย
ที่แม้จะใช้มากันจนชินหากแต่ยังได้ผลเสมอ โดยเฉพาะกับเรื่องนี้ ที่ตัวละครบางตัวโผล่มาแล้วหายไปนาน แล้วเมื่อโผล่มาอีก ชั้นเชิงที่ว่าก็ย้อนกลับไปบอกผู้ชมว่า เขาคือใครและมีผลอะไรกับสิ่งที่ตาผู้ชมเห็นในปัจจุบัน และมันเป็นเช่นนั้นทุกตัวละครที่โผล่มา แล้วสิ่งที่ตามมาจากจุดนี้ ก็คืออรรถรสที่ไม่จางลงเพราะความงง หรือความสับสน
ไม่รู้ว่าคือตัวละครคนไหนในอดีต ผลที่ได้คือความกระจ่าง ยังไม่รวมถึงการอธิบายในบางฉากบางตอนให้ละเอียดมากกว่าเดิม ด้วยชั้นเชิงแบบเดิมครั้งแล้วครั้งเล่า ที่ยิ่งส่งเสริมให้ความน่าติดตามคงอยู่ในระดับที่สูงสุด ไม่มีตกเลยแม้แต่ตอนเดียว แม้ว่าในส่วนของการเดินเรื่อง
เส้นทางของเรื่อง หรือชะตากรรมของตัวละคร ไม่ยากต่อการคาดเดานัก ผู้ชมดูได้สักประมาณหนึ่งก็พอรู้แล้วว่าจะเป็นเช่นไรในบทสรุป แต่กระนั้น ผู้ชมก็ยังคงหวังลึกๆว่า ความเป็นเกาหลีที่มักจะพลิกผันไว้ใจไม่ได้ จะพลิกกลับมาเข้าทางหัวใจและความรู้สึกของผู้ชม แต่ โลกแห่งความจริงไม่ใช่ใครจะได้ดั่งใจหวังไปเสียหมด ทุกอย่างยังคงเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้
แต่ หากแม้รู้ทั้งรู้ ก็ไม่อาจห้ามความโศกสลด ในโศกนาฏกรรมความรักครั้งนี้ได้ และมันเป็นไปแบบที่เรียกว่า อีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ชาชิน เพราะอารมณ์ร่วมของผู้ชมไม่เคยลดระดับลง จนอาจจะต้องตั้งคำถามว่า นี่คือซีรีส์อิงประวัติศาสตร์จริงหรือ หรือว่า มันคือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงกับ โกแอชิน
รีวิวซีรี่ย์ Mr.Sunshine
สิ่งนั้นคือประชาธิปไตย”ยูจีน อาจไม่ได้มีอุดมการณ์ที่แรงกล้าเท่า โกแอชิน เขาไม่ได้สนใจว่าโชซอนจะล่มสลายหรือไม่ แต่ หัวใจของเขาได้มอบให้กับ โกแอชิน ทั้งหมด และมันทำให้เขาต้องทำเพื่อคนที่ตนเองรัก แม้ว่ามันจะฝืนความเป็นอเมริกันในตัวเขาก็ตาม และที่สำคัญเขาเองคือตัวแทนความเป็นคนที่แปลกแยก ไม่ใช่ทั้งอเมริกันและไม่ใช่คนโชซอนในสายตาผู้คน
นายน้อย คิมฮีซุง ที่เป็นคนที่หลบหนีอดีตของชาติตระกูล ไม่อยากรับรู้จนกระทั่งความจำเป็นทำให้ต้องหวนกลับ โชซอน แต่ กลับพบว่าสิ่งที่ตนเองหลบหนีมาทั้งชีวิต คือการแต่งงานกับคู่หมั้นคือ โกแอชิน ที่กลายเป็นสิ่งที่สวยงามที่สุด แต่เมื่อรู้ตัวก็ไม่สามารถได้ใจเธอแล้ว แม้จะเป็นคุณชายเจ้าสำราญ
แต่ก็ไม่ฝืนมโนธรรมในใจ ส่วนซามูไร กูดงแม ที่เหมือนเป็นผู้ร้าย เป็นนักเลงข้างถนน การกระทำอาจคล้ายดังต่ำช้าน่ากลัว แต่ทว่า ในใจกลับเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมน้ำมิตรที่มีต่อลูกน้อง หรือกระทั่ง ฮาโตรุ (คิมยงจี) ซึ่ง แม้ว่าจะมีใจให้กับ โกแอชิน หากแต่ก็มิอาจเอื้อมทำให้ศักดิ์ศรีของเธอแปดเปื้อน จึงทำได้แค่ทำร้ายจิตใจเธอเพื่อเรียกร้องความสนใจ จนสุดท้าย แม้ว่า กูดงแม อาจจะไม่ได้เปี่ยมอุดมการณ์ แต่สิ่งที่เขาทำเพื่อนางในดวงใจ ก็กลายเป็นการสนับสนุนอุดมการณ์ของ โกแอชิน
คนสุดท้าย คูโด ฮินะ หญิงงามล่มเมืองที่สวยสง่า หน้าฉากคือเจ้าของโรงแรมที่เปี่ยมเสน่ห์เย้ายวน หากแต่ก็มีปมในใจที่บาดลึก และเธอก็เผยให้เห็นตั้งแต่ต้นว่า ภายนอกที่เปี่ยมเสน่ห์นั้น เธอมีใจให้กับชายหนึ่งชายใดแน่นอน แต่ทว่า ชายทั้งสามกลับมอบใจให้กับ โกแอชิน เพียงคนเดียว
และจากพื้นเพที่เธอเป็น กลายเป็นว่าบนใบหน้าที่ร่ำรวยรอยยิ้ม กลับมีความแกร่งอยู่ข้างในปะปนกับน้ำใจที่อุ่นระอุ และเธอก็คือส่วนสำคัญในการตอบโต้พวกญี่ปุ่น และด้วยความที่ตัวละครมีเสน่ห์ ทุกคนมีความเท่อยู่ในตัว จึงไม่ยากที่ผู้ชมจะรักตัวละครเหล่านี้ทั้งใจ และสะเทือนใจไปกับชะตากรรมของรักหลายเส้าของพวกเขาและพวกเธอ
ในความไม่รู้ความหมายของคำว่า Love หรือไม่รู้ว่าความรักคืออะไรของคุณหนู ผู้อยู่ในกรงทองที่ดูเหมือนไร้เดียงสา หากแต่ความจริงการกระทำ สายตา ภาษากายของ โกแอชิน ได้บ่งบอกมาให้เห็นแล้วว่า เธอรู้สึกดีบางอย่างกับชาวต่างชาติ ที่หน้าตาคล้ายกับพวกเธอเช่น ยูจีน ส่วน ยูจีน นั้นไม่ต้องเอ่ย
เพราะไม่มีทางเลยที่สายตาของเขาจะละวางไปจากดวงตาคู่นั้น ที่อยู่หลังผ้าเช็ดหน้าสีดำที่ประสานกันบนหลังคา เมื่อความรักบังเกิดกับคนสองคน นั่นหมายความว่า ต้องมีอีกสองคนที่ผิดหวังในความรัก และมีอีกหนึ่งคนที่มองอยู่ห่างๆที่ต้องผิดหวังเช่นกัน แล้วเมื่อ โกแอชิน คือผู้เกาะกุมหัวใจชายทั้งสามคนไว้ คุโด ฮินะ ก็คือคนที่ต้องผิดหวัง
แต่ด้วยความที่ประเทศชาติกำลังเหมือนยืนอยู่ปากเหว ความรักของ โกแอชิน กับ ยูจีน ก็คล้ายกับยืนคนละฝั่งของปากเหวเช่นกัน เมื่อรู้ทั้งรู้ว่าไม่มีทางได้สมหวัง แต่บางครั้งความหวังลมๆแล้งๆก็คล้ายเป็นเรื่องปลอบประโลม และความรักกับอุดมการณ์ที่ อาจไม่สามารถเดินไปด้วยกัน แต่กระนั้น
แม้อาจบางทีความรักก็เหมือนตัวกั้นขวางอุดมการณ์หรืออาจบางทีอุดมการณ์คือตัวกั้นขวางความรัก แต่แม้จะเป็นเช่นนั้นระหว่าง โกแอชิน แต่กับ ยูจีน และ กูดงแม ไม่เป็นเช่นนั้น ทั้งสองคนอาจไม่มีอุดมการณ์ในแบบ โกแอชิน หากแต่ความรักที่มีต่อ โกแอชิน ได้ทำให้พลังของหัวใจทำเพื่อเธอ แล้วนำพาไปสู่การเสียสละ เพื่อสนับสนุนอุดมการณ์ของหญิงอันเป็นที่รักของทุกคน ทั้ง กูดงแม ยูจีน คิมฮีซุง หรือกระทั่ง คูโด ฮินะ ผู้น่าสงสาร
และมันคือการวางตัวเอง ให้เป็นเรื่องราวของโศกนาฏกรรมแห่งความรัก ที่มีฉากหลังเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ เพียงแต่ความเรียบเนียนในการวางตัวของเรื่องส่วนนี้ ลงไปบนสภาวะแห่งความล่มสลายของโชซอนนั้น มันทำให้คล้ายกับว่า นี่คือบุคคลที่ถูกหลงลืมไปจากหน้าประวัติศาสตร์ เป็นผู้ที่ไม่มีใครได้จารึกชื่อพวกเขาไว้
แต่เพราะหน้าประวัติศาสตร์ มันได้จารึกบทสรุปของเหตุการณ์ข้างหลังไว้เรียบร้อย จึงต้องลงเอยด้วยความกล้าที่จะหักหาญอารมณ์ผู้ชม ด้วยการไม่ได้สรุปอย่างที่ผู้ชมแอบหวัง แต่ทว่า ความกล้าครั้งนี้ กลับกลายเป็นความสมบูรณ์แบบที่พิสูจน์ว่า การมีบทสรุปที่ขัดใจผู้ชมไม่ใช่เรื่องที่น่าหวาดหวั่น
เพราะแม้ผู้ชมจะไม่ได้ดั่งใจหวัง แต่โดยภาพรวมกลับออกมาดี ในแง่ของความเป็นจริงของโลก เรื่องราวความรักในยามไม่ปกติ ที่เล่าผ่านเรื่องจริงที่เจ็บปวด อาจบางทีผู้ชมก็เตรียมใจไว้แล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมามันเยี่ยมเกินไป ในการดึงอารมณ์ร่วมผู้ชมจนเผลอคิดไปว่า อาจมีความพลิกผันที่เข้าทางและให้รางวัลกับหัวใจบ้าง สุดท้ายแล้วเรื่องราวโศกนาฏกรรมครั้งนี้ อาจไม่ได้งดงามเฉกเช่นนิยาย แต่ส่งผลต่อความยอดเยี่ยมของเรื่องชนิดที่ ดีกว่านี้คงไม่มีแล้ว
เพราะความที่บทละครออกมาอย่างละเอียดละออ พัฒนาการของตัวละครจึงโดดเด่น แรกเลยต้องชื่นชมการวางตัว อีบยองฮอน ในบทชาวโชซอน ที่ไปใช้ชีวิตเติบโตอยู่ในอเมริกา รูปร่างหน้าตานั้นอาจเป็นใครก็ได้ แต่สำเนียงภาษาอังกฤษไม่ใช่ใครก็ได้ แต่ด้วยความที่ตัวเขาผ่านงานระดับอินเตอร์มาแล้ว
ได้แสดงหนังที่พูดภาษาอังกฤษมาหลายเรื่องแล้ว สำเนียงภาษาอังกฤษแบบอเมริกันจึงดูดี และ อีบยองฮอน มอบการแสดงในระดับภาพยนตร์มากกว่า เลยทำให้บท ยูจีน ชเว มีความลึกอย่างที่ควรจะเป็น เห็นพัฒนาการจากเย็นชามาเป็นมีหัวใจที่อุ่นระอุ แต่ที่น่าทึ่งที่สุดคงต้องยกให้ คิมแทรี ที่อาจจะเริ่มได้ไม่สวยงามนักในตอนต้น
เดาว่าอาจเป็นเพราะนี่คือเครดิตงานซีรีส์ ที่เป็นละครเรื่องยาวเรื่องแรกของเธอก็อาจใช่ เพราะเริ่มด้วยความขัดเขิน แต่เมื่อผ่านไปเรื่อยๆ เธอกลายเป็นศูนย์กลางของเรื่องได้อย่างสมบูรณ์แบบ มีเสน่ห์ พลังดารา ราศี บารมีค่อยๆเพิ่มขึ้น จนถึงจุดหนึ่งที่ผู้ชมไม่สามารถละสายตาไปจากเธอได้เลย
ส่วน ยูยุนซอก ในบท กูดงแม ที่มองเห็นความเศร้า รวดร้าว จึงต้องทำเป็นเย็นชา ไร้หัวใจ หากแต่สามารถทำทุกอย่างได้เพื่อคนที่รัก หรือ บยอนโยฮัน ในบท คิมฮีซุง ที่มองเห็นความดีอยู่ข้างใน จากฉากหน้าภาพลักษณ์คุณชายเจ้าสำราญ ที่คนทั้งคู่ต่างก็รับผิดขอบหน้าที่ได้อย่างไม่มีที่ติเช่นกัน แล้วยังมีส่วนช่วยให้มองเห็นความแนบแน่น
ของพัฒนาการด้านความสัมพันธ์ ของสามหนุ่มได้อย่างลงตัวและน่าเชื่อถือ กับอีกคนที่สวยสง่าตามแบบฉบับหญิงงามเมือง คิมมินจอง โปรยเสน่ห์ของ คุโด ฮินะ สาวกระดังงาลนไฟได้อย่างถึงขีดสุด ด้วยบุคลิกมาดมั่น ภายนอกดูแกร่งแต่ภายในนิ่มนวลอ่อนโยน และดูมีอำนาจอยู่ในที ยิ่งการชม้ายชายตาท่าทางการบิดของเรือนร่าง สายตาที่ยากจะอ่านความในใจ ที่เปี่ยมเสน่ห์ในแบบที่ตรงข้ามกับความเรียบร้อยอ่อนโยนของ โกแอชิน ที่มีสายตามุ่งมั่นแน่วแน่ หรือจะเรียกว่าอีกด้านของกระจกก็คงไม่ผิดนัก
ยิ่งทำให้บทที่มีมิติเชิงลึกของตัวละคร ที่ถูกจัดวางไว้อย่างยอดเยี่ยมอยู่แล้ว กลายเป็นความสมบูรณ์แบบ ถ้านั่นยังไม่พอเรื่องนี้จัดว่ารวมนักแสดงสมทบ ระดับยอดฝีมือเอาไว้แบบจัดเต็ม ทั้ง คิมกับซูชเวมูซองอีซึงจุนอีจองอึน หรือกระทั่ง ชินจองกึน เป็นอาธิ เรียกว่าคุ้นหน้าคุ้นตาคุ้นฝีมือ และทุกคนให้การแสดงที่ต้องคารวะ
แต่ที่ประทับใจผู้เขียนมากคือ คิมบยองซุล ที่สายตาไม่เหลือแววร้ายจนน่ารังเกียจใน Dr.Prisoner ไว้เลย เรียกว่าเปลี่ยนสีได้อย่างไม่มีที่ติ และด้วยการแสดงที่เนี้ยบทุกคนแม้กระทั่งบทเล็กบทน้อย งานด้านภาพที่เหมือนดูหนังมากกว่า เพลงประกอบที่ฟังแล้วเศร้า ซึ้ง และฮึกเหิมก็เป็นส่วนประกอบที่อาจกล้าเรียกได้ว่า เป็นงานเพลงประกอบที่ลงตัวที่สุดอีกเรื่อง ส่งผลให้งานซีรีส์เรื่องนี้กลายเป็นงานที่ละเมียดละไม จนรู้สึกว่า มีละครที่ยอดเยี่ยมแบบนี้จริงหรือ ในโลก
คงไม่เกินเลยไปนักที่จะย้ำว่า นี่คืองานที่ระดับมาสเตอร์พีซ ด้วยความกลมกล่อม ลงตัว สมบูรณ์แบบในทุกองค์ประกอบ แม้อาจบางทีมีบ้างที่คิดว่า พระเอกดูสูงอายุไปหน่อย แต่ทว่า หากมองบริบททางสังคมของพระเอก ที่โตในตะวันตกที่มักจะแต่งงานช้า แล้วหญิงเอเชียในยุคนั้นมักจะแต่งงานเร็ว
ก็ไม่ยากที่จะเชื่อในความรักที่ก่อเกิด เพราะด้วยความเป็น โกแอชิน ก็ทำให้ไม่ยากที่จะตกหลุมรักเธอ และ ยูจีน ก็สง่าพอที่จะทำให้สายตาของ โกแอชิน จับจ้องที่เขาบนความต่างในแบบหนุ่มต่างชาติ ซึ่ง เมื่อนี่คืองานจากเกาหลี จึงได้สัมผัสอัตลักษณ์ของทางเกาหลีอีกครั้ง
เมื่อนี่คือการใช้บทที่ดี มีความเป็นดราม่าเป็นตัวตั้ง ซึ่งในที่นี้วางตัวเองเป็นโรแมนติกดราม่าโศกนาฏกรรมของความรัก แล้ววางลงบนฉากหลังที่เป็นหน้าประวัติศาสตร์ ที่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง แต่ทว่า บทได้ตั้งธงไว้แล้วว่า เรื่องรักหลายเส้าจะต้องเดินไปแบบคู่ขนานกับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์
แล้วใส่รายละเอียดที่เยอะยิบย่อยเข้ามารายล้อม หากแต่แม้จะเหมือนจุกจิกยิบย่อย กลับลงตัวทุกประเด็นทั้งเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ซึ่ง บทสรุปก็ยังคงเป็นไปตามที่ประวัติศาสตร์ได้จารึกไว้ และแม้จะไม่ยากต่อการคาดเดา แต่ รายละเอียดข้างในกลับเข้มข้นทุกนาที เร้าใจในทุกตอน
ทั้งเรื่องราวของตัวละครที่หลากหลาย แต่มีมิติทุกคน ประเด็นเรื่องของคนขายชาติบางกลุ่ม ที่น่าจงชังรังเกียจ และความรักชาติของคนอีกกลุ่ม ที่พอเหมาะไม่ล้นจนดูยัดเยียด เรื่องการเมืองที่เข้มข้น อาจไม่พลิกไปมาเพราะมันคือประวัติศาสตร์ แต่ก็เร้าอารมณ์ได้ในทุกประเด็น ให้รางวัลกับผู้ชมในเวลาที่เหมาะสม
ยิ่งด้วยความโรแมนติก ที่สื่อสารด้วยภาพและบรรยากาศ มากกว่าจะถูกเร่งเร้าด้วยฉากเลิฟซีน ยิ่งทำให้รู้สึกว่ามันจริง จนกระทั้งสัมผัสได้ถึงความไม่แน่ใจในส่วนลึกว่า เรื่องราวฉากหน้าที่ว่าด้วยเรื่องความรัก มันคือเรื่องที่เกิดขึ้นจริง หรือเป็นเรื่องที่แต้มแต่ง มันก็อธิบายได้ว่า สิ่งต่างๆเหล่านี้คือความเยี่ยมของบทที่ร้อยเรียง ผสานเรื่องจริงและเรื่องแต่งให้เป็นเนื้อเดียวกันได้อย่างสนิท