รีวิวซีรี่ย์ Navillera

เมื่อพูดถึงการตามหาความฝันของชีวิต ในความคิดของคนส่วนใหญ่น่าจะนึกถึงวัยหนุ่มสาว-วัยทำงานที่ยังมีไฟยังมีแรงในการจะทำอะไรสักอย่างอย่างเต็มเปี่ยม แต่ในซีรีส์ที่ให้กำลังใจผู้ชมได้ดีอย่างเรื่องนี้ กลับชูเรื่องราวการมุ่งมั่นทำตามความฝันของคุณตาคนหนึ่ง ที่ด้วยภาระหน้าที่ซึ่งต้องเลี้ยงดูครอบครัวตั้งแต่วัยหนุ่มจึงทำให้สมัยนั้นมัวแต่ทำมาหากินจนเก็บพับความฝันของตนเองไว้ในมุมเงียบของหัวใจ แต่แล้วเมื่อถึงในวัยเกษียณตอนนี้ซึ่งลูกหลานเลี้ยงดูตัวเองได้แล้ว คุณตาก็ทั้งพร้อมและทั้งอยากที่จะทำตามสิ่งที่หัวใจตัวเองเรียกร้องมานานแสนนาน … นั่นคือการเต้นบัลเลต์ ดูหนัง 

 

คุณตาชิมด็อกชุล และภรรยา ชเวแฮนัม มีลูกด้วยกัน 3 คน คนโตและคนเล็กสุดเป็นผู้ชายและมีลูกสาวเป็นคนกลาง พี่ชายคนโต ชิมซองซัน เปรียบเสมือนเสาหลักของครอบครัวมีหน้าที่การงานและครอบครัวที่มั่นคงพร้อมลูกสาว 1 คน ชิมอึนโฮ เด็กสาวที่เพิ่งจบใหม่และกำลังอยู่ระหว่างฝึกงานเพื่อรอสัมภาษณ์ในรอบสุดท้าย ระหว่างการฝึกงานเธอได้เข้าไปทำงานในภัตตาคารอาหารแห่งหนึ่งจนได้พบกับ อีแชรก ที่ทำงานเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ที่นั่นด้วยเช่นกัน ดูหนังออนไลน์ 

 

ด้านลูกสาวคนกลาง ชิมซองซอก (รับบทโดย คิมซูจิน) แต่งงานกับนักการเมืองระดับท้องถิ่นที่ยังไม่สมหวังในเส้นทางการเมืองมากเท่าไหร่และลูกชายคนเล็ก ชิมซองกวัน (รับบทโดย โจบ๊กแร) ที่เคยเป็นแพทย์แต่ตอนนี้หักมุมตามหาความฝันด้วยการถือกล้องพร้อมเดินหน้าถ่ายทำสารคดีโดยไม่ฟังเสียงต่อต้านจากทุกคนในครอบครัว ดูหนัง 4k

 

วันหนึ่งเมื่อ คุณตาชิมด็อกชุล เดินผ่านและเหลือบไปเห็นโรงเรียนสอนเต้นบัลเลต์ทำให้คุณตาหวนนึกถึงความฝันวัยหนุ่มที่ทุกคนพร่ำบอกว่าให้พับความฝันนั้นเก็บเอาไว้เพราะภาระหน้าที่มากมายพร้อมความไม่เหมาะสมที่มีบรรทัดฐานบางอย่างซึ่งใครไม่รู้เคยกำหนดไว้ แต่เมื่อคุณตาได้ฟังคำจากเพื่อนที่เพิ่งล้มหายตายจากไปคนหนึ่งซึ่งก่อนจะจากไปเพื่อนได้ย้ำว่าให้เขาทำตามความฝันให้ได้ซักครั้งหนึ่งก่อนจะจากโลกนี้ไป  ดูหนังออนไลน์ 4k 

 

แน่นอนว่าการที่ คุณตาชิมด็อกชุล มาเต้นบัลเลต์ย่อมไม่ได้เป็นที่เห็นด้วยจากคนรอบข้าง 100% เพราะลูกบางคนคิดว่ามันน่าอายที่ให้คุณตาแก่ ๆ มาใส่ชุดบัลเลต์รัดติ้วและเต้นโชว์บนเวทีหรือไอ้ความคิดที่ว่าพ่อแม่ที่เกษียณควรจะไม่ทำอะไรเลยอยู่บ้านเฉย ๆ ใช้เงินที่ได้มาจากลูกแล้วพักผ่อนในช่วงบั้นปลายของชีวิตอย่างสุขสบายดีกว่าเถอะ รีวิวซีรี่ย์

 

แต่ความสุขของมนุษย์แต่ละคนมันไม่เหมือนกัน ดังนั้นแกจึงเลือกที่จะนำความฝันซึ่งแอบซ่อนในมุมมืดของหัวใจแกมานานแสนนานออกมาเพื่อเติมเต็มวัยอาวุโสที่นับวันก็ยิ่งเริ่มว่างเปล่าขึ้นเรื่อย ๆ และสิ่งที่ได้กลับมาจากการได้เข้าไปเรียนเต้นบัลเลต์ครั้งนี้ของคุณตา มันได้อะไรมามากกว่าการได้เต้นบัลเลต์แน่นอน

 

การใช้ ศิลปะการเต้นบัลเลต์ มาเป็นตัวเชื่อมโยงมิตรภาพอันงดงามระหว่าง คุณตาชิมด็อกชุล กับ หนุ่มนักเต้นบัลเลต์ผู้มีแววดีอย่าง อีแชรก ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ฉลาดมากของผู้แต่ง บัลเลต์แน่นอนว่ามันดูไม่ค่อยจะได้เดินทางไปพร้อมกับวัยผู้เฒ่าผู้แก่มากซักเท่าไหร่และบอกได้เลยว่าก่อนซีรีส์ออกอากาศยังคิดภาพไม่ค่อยออกว่าคุณตาจะเต้นออกมาในรูปแบบประมาณไหน

 

แต่หลังจากที่ได้รับชมครบจบในช่วง 4 ตอนแรกเป็นที่เรียบร้อยแล้วขอบอกได้เลยว่าผสมองค์รวมแล้วซีรีส์มีรสชาติกลมกล่อมโดยรวม หอมหวานแต้มร้อยยิ้มในบางโอกาส ซึ้งตราตรึงอิ่มเอมใจน้ำตาเอ่ออยู่บ่อยครั้ง และสะท้อนภาพของครอบครัวตัวเองในหัวสมองอยู่หลายพาร์ท …. ที่สำคัญมันสนุกมาก

 

 

ทีมนักแสดงนำ ซงคัง – พัคอินฮวัน – นามุนฮี – ฮงซึงฮี และอีกมากมายขอบอกว่าเป็นทีมที่ฝีมือดีแบบหายห่วง ขอชมเพิ่มเติมว่าท่วงท่าของ ซงคัง ในการถ่ายทอดบทบาทนักเต้นบัลเลต์มืออาชีพ อีแชรก นี้เจ้าตัวทำได้เนียนมากจนนึกว่าเรียนมาก่อนหน้านี้นานแล้ว แต่ช่วงหนึ่งจากบทสัมภาษณ์ในงานแถลงข่าว ซงคัง เผยว่าเขามีโอกาสได้เข้าเรียนการเต้นบัลเลต์ก่อนถ่ายทำเพียง 6 เดือน ด้วยเวลาที่จำกัดนี้เอง

 

แทนที่เขาจะเน้นหนักไปที่การเต้นแบบมืออาชีพ เขาตัดสินใจที่จะมุ่งไปที่การเต้นด้วยท่าทางและร่างกายที่สวยงามพร้อมการแสดงออกทางสีหน้าที่มีอารมณ์ร่วมกับการแสดงให้ได้มากที่สุด และใช่ค่ะ เขาทำมาถูกทางแล้วเพราะซงคังแสดงออกมาได้เหมือนนักเต้นบัลเลต์มืออาชีพจริง ๆ

 

ชิมด็อกชุล ในวัย 70 ปี ที่ผ่านการทำงานหนักเพื่อครอบครัวมาอย่างยาวนานตลอดวัยหนุ่มจวบวัยเกษียณด้วยความภาคภูมิใจ ในวันนี้ที่นอกจากจะเป็นสามี, เป็นพ่อ และเป็นคุณตาของหลานสาวที่กำลังก้าวเข้าสู่ชีวิตการทำงาน นับจากนี้ ควรจะเป็นช่วงเวลาที่เขาได้พักผ่อน ใช้ชีวิตเรียบง่าย กับภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากและมิตรสหายวัยเดียวกันไปกับกิจกรรมของผู้สูงวัย อย่างที่คนอื่น ในวัยเดียวกันเขาทำกัน หากไม่ได้เจ็บไข้ได้ป่วยต้องรักษาตัว หรือรอวันสุดท้ายของชีวิตอยู่ในโรงพยาบาล

 

ชิมด็อกชุลเองก็เคยคิดอย่างนั้น แต่หลังจากผู้คนในชีวิตค่อยๆ หายไปตามกฏเกณฑ์แห่งธรรมชาติทีละคน ทีละคน และเพราะการจากไปของเพื่อนรักที่สุดคนหนึ่งกับการโหยหาความฝันที่ไม่อาจเป็นจริงจวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต ความสะเทือนใจนั้นได้สะกิดเตือนความฝันที่แทบจะถูกกลบฝังไปหมดแล้วของชิมด็อกชุลให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง ความฝันที่อยู่กับเขามาตั้งแต่วัยเด็กและไม่เคยมีโอกาสจะได้ทำตามใจปรารถนาแม้แต่สักครั้งเดียว

รีวิวซีรี่ย์ Navillera

เสียงดนตรีคลาสสิคที่ได้ยิน พาให้ชิมด็อกชุลก้าวเท้าไปจนพบกับที่มาแห่งเสียงเพลง ผ่านประตูกระจกเข้าไปในสตูดิโอกว้างใหญ่แลขรึมขลังด้วยพื้นไม้และกระจกเงารอบด้าน ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังร่ายรำพลิ้วไหว บางจังหวะลอยละล่องอยู่กลางอากาศ อีแชรก ชายหนุ่มวัย 23 ปี ที่กำลังจะเข้ามาเปลี่ยนชีวิตที่ซึมเซาของคุณตาวัย 70 ปีคนนี้ หรือจะพูดให้ชัดเจนกว่าก็คือ คุณตาชิมด็อกชุลพาตัวเองเข้ามาหาคนที่จะช่วยผลักดันความฝันให้เป็นความจริง

 

คุณตาวัย 70 ปี กับการเต้นบัลเลต์ ที่แทบจะมองไม่เห็นหนทาง กว่าที่คุณตาจะฝ่าด่านฝ่าแผงกั้นที่เรียกว่า “เป็นไปไม่ได้” มาได้ ด้วยเหตุผลบางอย่าง คีซึงจู อดีตนักบัลเลต์ผู้เก่งกาจประสบความสำเร็จสูงสุดคนหนึ่งในวงการ แต่ชีวิตหักเหก็เพราะบัลเลต์ ตกลงยินยอมให้คุณตาได้มาเรียนบัลเลต์ ตั้งแต่พื้นฐานเริ่มต้น โดยมีอีแชรกเป็นคุณครู แลกกับการที่คุณตาจะต้องรับผิดชอบติดตามอีแชรกในฐานะผู้จัดการ

 

อีแชรก ก็ไม่ได้มีเส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ ชีวิตลำบากมามาก แม่ผู้เป็นอดีตนักบัลเลต์จากไปด้วยความป่วยไข้ พ่อเป็นโค้ชฟุตบอลที่พลาดผิดจนต้องไปชดใช้ในเรือนจำ แชรกเติบโตมาลำพัง ต้องทำงานสารพัดเพื่อเลี้ยงดูตัวเอง และไล่ตามฝันครั้งใหม่บนเวทีบัลเลต์ แต่สิ่งที่พ่วงมาเหมือนลูกตุ้มเหล็กคอยฉุดลากเขา คือผลพวงจากความพลาดผิดของพ่อ มันมาในนามของ เพื่อนเก่า ที่ไม่รู้จักก้าวข้ามเรื่องแย่ไปหาเรื่องดีที่รออยู่ในชีวิตข้างหน้า เอาแต่ก่นด่าโชคชะตาและหาแพะรับบาป

 

 

ไม่เพียงเท่านั้น คีซึงจูผู้เป็น “คุณครูของคุณครู” ก็ไม่ได้จริงจังกับการจะมาจะไปของคุณตามากเท่ากับความเป็นไปของอีแชรก, ลูกศิษย์ที่เขาตั้งความหวังไว้ราวกับเป็นจุดหมายยิ่งใหญ่ของตัวเอง และคนที่แข็งขืนปฏิเสธคุณตาตั้งแต่แรกก็ไม่ใช่ใครนอกจาก อีแชรก  พัคอินฮวาน เป็น ชิมด็อกชุล คุณตาบัลเลต์ ผู้ขอตามฝันแรกและฝันสุดท้ายในชีวิต, ฮาราบูจีผู้น่ารัก กว่า 30 ปีในเส้นทางการแสดงที่คอหนังและคอซีรีส์คุ้นหน้าเป็นอย่างดี

 

เรื่องการถ่ายทอดอารมณ์และการแสดงไว้ใจคุณตาได้แน่นอน แม้จะยังไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เห็นคุณตาเต้นบัลเลต์จริงๆ ในซีรีส์หรือไม่ แต่นับว่านักเรียนคนนี้กับวัยจริง 76 ปีของคุณตา ในแต่ละซีนที่เราได้เห็นผ่านจอกับการวาดแขนวาดขาวางมือวางเท้าและการทรงตัวของพื้นฐานบัลเลต์ ต้องบอกว่าคุณตาทำได้น่าประทับใจมาก

 

ซงคัง เป็น อีแชรก นักเรียนบัลเลต์แววดีและมีอนาคตไกล, เวลา 3 ปี ในเส้นทางการแสดงของซงคัง มากพอที่เขาจะสั่งสมความนิยมและโดดเด่นขึ้นมาด้วยผลงานก่อนหน้าอย่าง Love Alarm และ Sweet Home กับบทบาทนักเรียนบัลเลต์นี้ ซงคังฟิตรูปร่างมาได้สมบูรณ์แบบราวกับเป็นนักบัลเลต์ตัวจริง และคงไม่ต้องพูดถึงการฝึกฝนพื้นฐานบัลเลต์จริงๆ อีกหลายเดือน เพื่อเป็นอีแชรกให้ได้อย่างแนบเนียนและสมบทบาท

 

คิมแทฮุน เป็น คีซึงจู นักบัลเลต์ และคุณครูผู้วางความฝันของตัวเองไว้บนปลายเท้าและปลายปีกผีเสื้อของลูกศิษย์ที่ชื่อ อีแชรก, นักแสดงที่คุ้นเคยกับคอซีรีส์มาอย่างยาวนาน และเพิ่งฝากผลงานที่น่าประทับใจใน My Unfamiliar Family ซีรีส์ที่สนุกและยอดเยี่ยมที่สุดเรื่องหนึ่งในปี 2020

 

เรื่องราวดำเนินไปท่ามกลางชีวิตชวนอึมครึมของผู้ชาย 3 คน การพบกันของผู้ชาย 3 คนที่รักบัลเลต์หมดจิตหมดใจย่อมไม่ใช่เหตุบังเอิญ ในขณะที่คนหนึ่งได้มอบบทเรียนชีวิตที่มีค่าให้กับอีกคน และฝันเล็กๆ ของใครอีกคนสามารถพลิกฝันริบหรี่ของอีกคนให้กลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง ผู้ชาย 3 คนที่ต่างเป็นผู้สนับสนุนความฝันของกันและกัน

 

Navillera ซีรีส์ 12 ตอนจบที่สร้างจากเวบตูน ถ่ายทอดเรื่องชีวิต ความผิดพลาด ความหวัง และความฝัน ได้อย่างอบอุ่นหัวใจอีกเรื่อง ซีรีส์ที่เล่าเรื่องเรื่อยๆ ไม่มีจังหวะเร้าหรือต้องลุ้นจนเหงื่อแตก แต่ดีกรีความซึ้ง จะไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ ต่อให้บ้านไหนไม่มีพ่อแม่ปู่ย่าตายายอยู่แล้ว แต่วันหนึ่งเราทุกคนจะแก่ และเป็นพ่อแม่ปู่ย่าตายายของใครสักคน

 

รู้หรือไม่ว่ามีหลายคนบนโลก ปล่อยโอกาสในการทำตามความฝัน ให้หลุดลอยไปอย่างน่าเสียดาย Navillera : ดั่งผีเสื้อร่ายระบำ ออริจินัลซีรีส์เกาหลีเรื่องล่าสุดจาก Netflix สะท้อนถึงช่วงเวลาที่เราอาจจะมุ่งมั่นกับการทำงานเลี้ยงชีพ เติมเต็มชีวิตให้มีกินมีใช้ จนหลงลืมที่จะเติมเต็มความสุขด้วยสิ่งที่เรารัก และยังย้ำเตือนอีกว่าความฝันของคนเราไม่มีวันหมดอายุ ยังเป็นฝันที่สดใหม่อยู่เสมอไม่ว่าเราจะแก่ตัวลงเท่าไรก็ตาม

 

ชื่อเรื่อง Navillera อ่านว่า นา-บิ-เร-ล่า / นา-บิล-เร-รา เป็นคำทับศัพท์มาจากภาษาเกาหลี 나빌레라 มีความหมายว่า เหมือนกับผีเสื้อ บอกเล่าเรื่องราวของ อีแชรก(รับบทโดย ซงคัง) ดาวรุ่งพุ่งแรงที่ขยันรับงานแสดง จนเราจะได้เห็นหนุ่มคนนี้ไปตลอดทั้งปีอย่างแน่นอน อีแชรกเป็นชายหนุ่มวัย 23 ปี ที่มีฝันอยากเป็นนักเต้นบัลเล่ต์มืออาชีพเช่นเดียวกับแม่ของเขาที่เสียชีวิตไป

 

แต่ฝันของอีแชรกไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะไปถึง ด้วยปมชีวิตเรื่องพ่อที่กลายเป็นนักโทษ กระทั่งการล้มละลายของครอบครัว ทำให้อีแชรกต้องดิ้นรนหาเงินด้วยตัวเอง สิ่งเหล่านี้เป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ฝันของเขา มาถึงทางแยกที่จะต้องเลือกทิ้งมันไป หรือสานต่อให้สำเร็จ

 

ในขณะเดียวกัน ชิมด็อกชุล(รับบทโดย พัคอินฮวัน) ชายชราวัย 70 ปีที่ใช้ชีวิตหลังเกษียณอย่างเรียบง่าย และค่อย ๆ สูญเสียคนรอบข้างไปทีละคน ทำให้เขาได้ย้อนกลับมาคิดถึงความฝัน นั่นคือ การขึ้นแสดงบัลเล่ต์สักครั้งในชีวิต ซึ่งเขาได้ละทิ้งมันมาเป็นเวลายาวนาน เพราะความคาดหวังของผู้เป็นพ่อ

 

ว่าเขาจะต้องมีการงานที่มั่นคงให้สมกับที่เกิดเป็นลูกผู้ชาย แต่แล้ววันที่ชิมด็อกชุลได้เห็นอีแชรกฝึกซ้อมบัลเล่ต์ ฝันในวัยเยาว์ของเขาก็จุดติดขึ้นมาอีกครั้ง จากเหตุการณ์ดังกล่าวจึงเกิดเป็นมิตรภาพของคนต่างวัย ที่มีแรงปรารถนาเดียวกัน คือการเป็นนักเต้นบัลเล่ต์นั่นเอง

 

 

หลังจากออกอากาศตอนแรก บรรยากาศของซีรีส์คือการขายดราม่าของแท้ เล่าต้นสายปลายเหตุของแต่ละตัวละครอย่างจริงจัง บีบคั้นอารมณ์คนดูผ่านปัญหาชีวิต สื่อสารว่าโลกนี้มันไม่ได้สวยงาม วันนี้เรานั่งหัวเราะเอิ้กอ้ากกับคนรอบตัว แต่พรุ่งนี้อาจจะทำแบบนั้นไม่ได้อีกแล้วก็เป็นไปได้ ดังนั้นอยากทำอะไรต้องรีบทำ จะได้ไม่มานั่งเสียดายทีหลัง

 

เส้นเรื่องทั้งหมดดำเนินไปตามปมเรื่องมิตรภาพ ครอบครัว และความฝัน มู้ดแอนด์โทนคือดราม่าเรียกน้ำตา ไม่ขายขำ เคล้าไปกับความอบอุ่นใจของคนต่างวัย ตอนแรกเป็นการปูเรื่อง จึงอาจจะทำให้คนดูรู้สึกหน่วงในหลายฉาก แต่ตอนต่อไปเชื่อว่าจะเรียกรอยยิ้มได้บ้าง เพราะชายวัย 70 กำลังต่อสู้กับสังขารที่ร่วงโรย ปลุกตัวเองให้ขยับเขยื้อนร่างกาย เพื่อเต้นบัลเล่ต์ได้อีกครั้ง โดยมีเด็กหนุ่มวัย 23 เป็นครูฝึกเฉพาะกิจ ที่จะทำให้ฝันของทั้งคู่กลายเป็นความจริง