รีวิวซีรี่ย์ One the Woman

One The Woman เป็นซีรีส์ลอตวันศุกร์-เสาร์ที่เพิ่งออนแอร์ตอนแรกในวันที่ 17 กันยายน 2021 นำแสดงโดย อีฮานี, อีซังยุน, จินซอยอน และอีวอนกึน เล่าเรื่องราวชีวิตที่พลิกผันของอัยการสาวสุดห้าวกับลูกสะใภ้คนรองของตระกูลดัง บอกเลยว่าน่าดูตั้งแต่ตอนแรกเลยล่ะ ครบรสทั้งโรแมนติก คอมเมดี้ สืบสวน แถมยังมีแอ็กชันและการฟาดฟันกันในตระกูลอีกด้วย ดูหนัง

 

โจยอนจู (อีฮานี) เป็นอัยการสาวที่ชอบรับสินบนจากพวกคนเลว ขณะที่คังมีนา(อีฮานี) ใช้ชีวิตโดยที่ครอบครัวและบ้านสามีต่างไม่แยแสเธอ โชคชะตาทำให้ทั้งคู่ได้เจอกันที่งานประมูลภาพศิลปะ ระหว่างที่ยอนจูกำลังสืบสวนคดีฉ้อโกง เธอได้บังเอิญเห็นมีนาและตกใจอย่างมากที่หน้าตาของทั้งคู่เหมือนกันราวกับแกะ หลังจากนั้นยอนจูก็ประสบอุบัติเหตุจนความจำเสื่อมและตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองกลายเป็นลูกสะใภ้ของฮันจูกรุ๊ป ดูหนังออนไลน์ 

 

ถ้าจะกล่าวถึงหนังหรือละครน้ำเน่านั้นเหมือนเป็นเรื่องสากล เพราะไม่ว่าจะเป็นที่ไหนในโลกก็มีเหมือนกันหมด เรื่องของชนชั้น แม่สามีกดขี่ลูกสะใภ้ การแย่งชิงอำนาจและมรดกของพี่น้องร่วมสายโลหิต ศึกสายเลือด ที่ถ้าเป็นแนวย้อนยุคก็เรื่องการแย่งชิงบัลลังก์ที่เป็นบริบทเดียวกัน ความฉ้อฉล การใส่ร้ายป้ายสี จนนำมาซึ่งความคับแค้น และมีจุดมุ่งหมายในการสะสางความแค้นพร้อมกับเคลียร์ชื่อให้คนที่ถูกใส่ร้าย ดูหนัง 4k 

 

เอาตามตรงคือกี่ครั้งแล้วที่เรื่องราวเหล่านี้ได้ถูกเล่าออกมา ที่สำคัญมันดันไม่ค่อยมาในมุมที่แปลกไปเสียด้วย ซึ่ง มันส่งผลต่อผู้ชมคือเรื่องมันเดาทางง่าย แต่ก็มีความเร้าใจเพราะขีดเส้นแบ่งทางหัวใจของผู้ชมไว้เรียบร้อย ดังนั้นสิ่งที่จะเป็นความต่างในการเล่าเรื่องน้ำเน่าให้ออกมาสนุกไม่ให้ดูซ้ำหรือเชยก็คือรายละเอียด บางครั้งเนื้อหาอาจไม่ใช่เรื่องร่วมสมัยแต่รายละเอียดภายในที่จะมาเป็นตัวขับเคลื่อนให้เรื่องราวเดินไปต้องเป็นความแตกต่างที่พึงมี ดูหนังออนไลน์ 4k

 

รีวิวซีรี่ย์ One the Woman

 

หมายความว่าต่อให้เรื่องจะเป็นของเก่าเก็บขนาดไหนหากมีรายละเอียดทางด้านบทที่พร้อม มีลูกเล่นลูกล่อลูกชนตามสมัยนิยมมันก็สามารถดึงดูดให้ผู้ชมยังอ้าแขนต้อนรับเรื่องน้ำเน่าเต็มประดาแบบนั้นได้ ซึ่งลูกเล่นหนึ่งที่ทำให้งานน้ำเน่าสุดฤทธิ์ออกมาหอมหวน นั่นคือการขายเสน่ห์ของตัวละครให้ตัวละครคนใดคนหนึ่งซึ่งต้องเป็นตัวเอกเป็นเดอะแบกพาเรื่องไป รีวิวซีรี่ย์ 

 

แต่การจะทำแบบนี้ได้นักแสดงที่มาเป็นเดอะแบกต้องมือถึง และเล่นได้ทุกอย่างอย่างที่บทต้องการให้เป็น และมาในวันนี้ก็มีเรื่องแบบเดิมที่ทำให้พิสูจน์ความเก่งของการเขียนบทของเกาหลีอีกครั้ง ที่สามารถเล่าเรื่องที่เก่าและซ้ำให้ออกมาดูใหม่ เพราะหากลองคิดดูเรื่องที่พึงท่านจะได้อ่านการรีวิวแบบชำแหละตามสไตล์ผู้เขียนเรื่องนี้ เค้าโครงและแนวทางไม่ใช่เรื่องใหม่เลย

 

ยังเป็นเรื่องที่คอละครได้เห็นมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์เรื่องของแม่ผัวลูกสะใภ้ แต่เรื่องนี้ชัดเจนทีจะตั้งใจมาขายตัวละคร และตัวละครที่ตั้งใจมาขาย ก็ทำหน้าที่ได้อย่างน่าจดจำ จนทำให้เรื่องนี้ออกมาสนุกบนความน้ำเน่าและกลายเป็นเรื่องที่ต้องแนะนำให้ชม One The Woman

 

One the Woman เล่าพล็อตสนุกๆ ของ โจยอนจู (รับบทโดย อีฮานี) หญิงสาวคนหนึ่งที่ไต่เต้าจากจุดต่ำสุดจนได้ขึ้นมาเป็นอัยการชื่อดัง แต่แล้วก็เกิดอุบัติเหตุจนเธอความจำเสื่อม และฟื้นขึ้นมาเป็น คังมีนา ลูกสาวคนสุดท้องของมหาเศรษฐีในตระกูลนักธุรกิจระดับโลก ทั้งยังเป็นลูกสะใภ้ของ ฮันจูกรุ๊ป กลุ่มธุรกิจดังในเกาหลีอีกด้วย

 

ด้วยความที่ทั้งสองคนมีหน้าตาเหมือนกันราวกับแกะ ความสับสนอลหม่านเกิดขึ้นในทันทีที่โจยอนจูฟื้นจากเหตุการณ์เฉียดตายมา และคนรอบข้างต่างเข้าใจผิดว่าเธอเป็นลูกสะใภ้ตระกูลดัง ความดุเดือดของเรื่องราวจึงเริ่มต้นขึ้น เพราะด้วยนิสัยส่วนตัวที่ไม่ยอมคน กล้าได้กล้าเสีย ก็ทำให้โจยอนจูที่ทุกคนเข้าใจว่าคือคังมีนา เกิดการเปลี่ยนแปลงสุดขั้ว ซึ่งทางการแพทย์อ้างอิงได้ว่า เธอน่าจะประสบภาวะความทรงจำสูญหายชั่วคราวจากอุบัติเหตุสุดช็อก

 

เปิดตัวอีพีแรกก็ไม่ธรรมดา เพราะเรตติ้งทั่วประเทศเกาหลีขึ้นไปสูงถึง 8.2% ก่อนที่จะพุ่งไปเป็น 12.6% ในอีพี 4 และทำให้ซีรีส์เรื่องนี้กลายเป็นกระแสบอกต่อในทันที และแม้ว่าเรื่องราวจะมีความเป็นละครหลังข่าวที่เกี่ยวกับชีวิตลูกสะใภ้ตระกูลดังที่ไม่ได้สวยหรูอย่างในภาพ แต่ One the Woman กลับดูสนุก และเต็มไปด้วยความน่าสนใจต่างๆ มากมาย

 

One the woman เป็นเรื่องราวของอัยการสาว โจยอนจู ที่นิสัยค่อนข้างห้าวเป้ง ตรงไปตรงมา เป็นตัวของตัวเองอย่างมาก สู้เก่ง และมากความสามารถ มีความฝันอยากเป็นหัวหน้าอัยการแต่ดันชอบรับสินบนซะอย่างนั้น ที่วันนึงเธอไปสืบเบาะแสที่งานประมูลภาพแห่งหนึ่งแล้วได้เจอกับ คังมีนา ผู้ที่หน้าตาเหมือนกันกับเธอราวกับแฝด แต่นิสัยตรงกันข้ามอย่างเห็นได้ชัด

 

คังมีนาคือลูกสาวของยูมินกรุ๊ปรวมถึงควบตำแหน่งสะใภ้ของฮันจูกรุ๊ปอีกต่างหาก เรื่องทุกอย่างมาพลิกผันเมื่อโจยอนจูประสบอุบัติเหตุจนสูญเสียความจำชั่วคราวและเมื่อตื่นมาผู้คนก็ต่างเรียกเธอว่าคังมีนา ทำให้เธอได้รับรู้ถึงความจริงที่คังมีนาต้องเผชิญในครอบครัว ปัญหาต่าง ๆ มากมายจากการแก่งแย่งผลประโยชน์ เธอต้องใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลเศรษฐีทั้งยังต้องฟื้นความจำเพื่อหาสาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเธอ แล้วคังมีนาตัวจริงอยู่ที่ไหนล่ะ

รีวิวซีรี่ย์ One the Woman

หนึ่งคือโจยอนจู (อีฮานี หรือ Honey Lee) อัยการสีเทาๆที่เกี่ยวข้องพัวพันกับแก๊งอันธพาลและรับสินบน แต่ก็มีความมุ่งมั่นบางประการทำให้มองเห็นไปพลังอันแรงกล้าของการเป็นอัยการอยู่ในนั้นเช่นกัน อีกหนึ่งคือคังมีนา (อีฮานี) สะใภ้ทาสในบ้านทรายทองของตระกูลฮัน เจ้าของเครือบริษัทฮันจูที่คังมีนาต้องทนเป็นทาสรับใช้ถูกโขกสับจากทุกคน

 

เพราะคังมีนาเป็นเพียงลูกนอกสมรสของเครือยูมินอีกบริษัทยักษ์ใหญ่ อันเป็นที่หมายตาเข้ามาครอบครองของกลุ่มฮันจู เท่านั้นยังไม่พอผัวยังมานอกใจเข้าให้อีก แต่มีเพียงฮันซองฮเย (จินซอยอน) พี่สามีที่เหมือนจะเห็นใจคังมีนาอยู่แต่ดูก็รู้ว่าพี่ผัวคนนี้ต้องมีอะไรบางอย่าง

 

จนกระทั่งคังมีนาออกไปร่วมงานประมูลงานศิลปะ และในขณะเดียวกันนั้นก็ช่างบังเอิญเหลือเกินที่อัยการโจยอนจูก็ไปตามสืบจับคนร้ายที่เดียวกัน ซึ่งมันคงไม่สำคัญอะไรถ้าทั้งสองคนไม่หน้าตาเหมือนกันดังฝาแฝด และในวันนั้นทั้งคู่ก็บังเอิญใส่เสื้อผ้าเหมือนกันอีก แต่เมื่อโจยอนจูตามคนร้ายออกมาเธอกลับถูกรถพุ่งเข้าชนจนไปฟื้นที่โรงพยาบาล

 

ทว่าเมื่อโจยอนจูฟื้นขึ้นมาก็กลายเป็นว่า เธอสูญเสียความทรงจำและทุกคนรอบข้างก็คิดว่าเธอคือคังมีนา อัยการจอมแสบจึงกลายมาเป็นสะใภ้ทาสแทนคังมีนาตัวจริงที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย จนเมื่อครอบครัวของคังมีนาประสบอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก เหลือคังมีนาที่เป็นทายาทกลุ่มบริษัทยูมินเพียงหนึ่งเดียวสถานะของเธอในบ้านจึงเปลี่ยนไป

 

แต่แม้เธอเองจะยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นใครแต่มีคนหนึ่งที่ระแคะระคายนิดๆ นั่นคือฮันซึงอุค (อีซังยูน) ชายผู้เคยมีความหลังกับคังมีนาตัวจริงและเป็น หนึ่งในตระกูลฮันที่มีอดีตที่ต้องสะสาง เพราะพ่อของฮันซึงอุคต้องตายไปอย่างมีมลทินทำให้กลุ่มฮันจูตกมาอยู่กับน้องชายของพ่อ จนเขาต้องย้ายไปอยู่อเมริกากับแม่โดยที่แบกเรื่องบางอย่างไว้ในใจ และการกลับมาครั้งนี้ฮันซึงอุคกลับมาพร้อมความมุ่งหมายที่จะแก้ไขอะไรบางอย่างที่จะส่งผลต่อสถานะตัวเอง

 

แต่ตัวแปรสำคัญดันเป็นโจยอนจูที่อยู่ในสถานะของคังมีนา เมื่อสาวแก่นเซี้ยวจอมแสบและกวนประสาทต้องมาใช้ชีวิตในฐานะสะใภ้ทาส แถมยังกลายมาเป็นทายาทบริษัทที่ใหญ่พอๆกับบ้านสามีเรื่องเลยชุลมุนพัลวัน เมื่อลูกสะใภ้ที่ก้มหน้าก้มตาโดนโขกสับกลายมาเป็นสะใภ้ตัวแสบที่พร้อมถอนหงอกทุกคนจนหมดหัว แถมยังเอาตัวตนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ไปอยู่ท่ามกลางศึกชิงมรดกหมื่นล้าน

 

แล้วโจยอนจูจะเอาตัวรอดด้วยทักษะการเป็นอัยการได้หรือไม่และคังมีมาตัวจริงอยู่ที่ไหน ด้วยเรื่องแม่ผัวลูกสะใภ้ในฉากหน้าที่มีเบื้องหลังเป็นการชิงเหลี่ยมในการชิงมรดกอำนาจบริหารบริษัท ที่ดูแล้วก็มีกลิ่นตุๆมาตั้งแต่ต้นแต่กลับดูสนุก เพราะการเป็นได้ทุกอย่างของอีฮานีโดยแท้จริง

 

เพราะในขณะที่เส้นเรื่องหลักคือการผิดฝาผิดตัวระหว่างอัยการสาวบ้าดีเดือดกับคุณหนูผู้อาภัพในตระกูลแชโบล รวมถึงการต่อสู้ชีวิตในบ้านตระกูลฮันจูที่เต็มไปด้วยความดราม่า ทั้งแม่สามี พี่หญิงใหญ่ พี่หญิงเล็กที่ไม่ได้ยอมรับในตัวเธอนัก รวมถึงสามีที่มากจากการคลุมถุงชนก็ไม่ได้รักใคร่ และยังไปสร้างข่าวฉาวให้ครอบครัวแทบจะรายวัน

 

นอกจากความละครเล่นใหญ่ในครอบครัว ซีรีส์ One the Woman ยังมีเรื่องราวของการตามล่าหาหลักฐานคดีฉ้อโกง ซึ่งโจยอนจูกำลังติดตามหาตัวคนร้าย และมันเกี่ยวพันกับฮันจูกรุ๊ปตรงๆ อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีเลิฟไลน์ระหว่างเธอและ ฮันซึงอุค (รับบทโดย อีซังยุน) ทายาทของฮันจูกรุ๊ปที่กลับมาเกาหลีอีกครั้ง ซึ่งทั้งหมดกลมกล่อมลงตัวจนสร้างเสียงหัวเราะให้กับคนดูอย่างเราๆ ได้ทุกวันหยุดสุดสัปดาห์

 

อย่างหนึ่งที่ต้องยกความดีความชอบให้ก็คือ อีฮานี นักแสดงหลักของเรื่องที่รับบทโจยอนจูและคังมีนา ซึ่งเธอแบกรับน้ำหนักของเรื่องราวไว้บนบ่ามากกว่าใครในเรื่อง และฝีมือการแสดงเป็นสองบุคลิกที่ก็แทบทำให้ลืมไปเลยว่าเธอคือ Miss Korea 2006 ที่ไปคว้าตำแหน่งรองอันดับ 3 มาจากเวที Miss Universe 2007 และมาเอาดีทางด้านการแสดงได้เฉียบขาดขนาดนี้

 

ซีรีย์เรื่องนี้ได้ อีฮานี ที่มีผลงานและรางวัลมากมาย ความสวยของเธอก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน อีฮานีเคยได้รับตำแหน่ง Miss Korea ปี 2006 และเป็นตัวแทนไปแข่ง Miss Universe 2007 จนคว้าตำแหน่งรองอันดับ 3 มาครอง เมื่อเธอต้องมาแสดงในเรื่อง One the woman ก็เป็นงานยากพอสมควรเนื่องจากเธอต้องแสดงถึงสองบทบาทแถมคาแรกเตอร์ยังคนละขั้วอีกต่างหาก แต่อีฮานีทำออกมาได้ดีมาก สร้างความฮาให้ผู้ชมได้จน One the woman ได้เรทติ้งพุ่งกระฉูด

 

รีวิวซีรี่ย์ One the Woman

 

นักแสดงที่มาคู่กันนั่นก็คือ อีซังยุน ที่มากความสามารถเช่นเดียวกัน เพราะเขามี IQ สูงถึง 137!!! รวมถึงผลงานการแสดงก็เยอะไม่แพ้กัน ต้องบอกว่าเป็นคู่ที่มีเคมีเข้ากันได้อย่างดี ในเรื่องเองทั้งคู่สามารถแสดงได้ดีจนทำให้ผู้ชมอินไปกับบทละคร นอกจากอีฮานีและอีซังยุนแล้ว นักแสดงคนอื่นก็เปี่ยมคุณภาพเช่นเดียวกัน

 

พล็อตแบบนี้มันคือเรื่องสามัญประจำบ้านที่ไม่ว่าที่ไหนก็มี โดยเฉพาะกับเรื่องนี้ที่ความจริงเล่าเรื่องน้ำเน่าเก่าเก็บแต่ทำไมถึงออกมาสนุกสุดๆ นั่นคือเหมือนคนเขียนบทจะรู้ตัวว่า เล่าเรื่องที่เป็นของเก่าเดาทางง่ายแบบนี้มันยากมากที่จะสับขาหลอกผู้ชมได้แล้ว เพราะเรื่องประมาณนี้มันเล่ามาตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหาผู้ชมผ่านตามาจนขี้เกียจนึกถึงแล้ว

 

อย่ากระนั้นเลยเลือกที่จะเปิดหน้าท้าดวลตรงๆดีกว่า ด้วยการเล่าเรื่องหลักออกมาเป็นเรื่องคลาสสิคแบบนี้แต่ชูจุดขายเป็นตัวละคร และแม้จะดูเหมือนซ้ำกับซีรีส์ Mr.Queen ที่เปิดหน้ามาเป็นคอมมิดี้เต็มที่ แต่เชื่อเถอะว่าเมื่อดูไปบทยังมีดีที่จะไม่ทำให้ภาพหรือเค้าลางของตัวละครและโครงเรื่องของ Mr.Queen มาทับซ้อนในจินตนาการ

 

ทั้งที่เมื่อดูเรื่องนี้จบแล้วค่อยมานึกดูจึงเห็นความคล้ายกันปานนั้น นั่นหมายความว่าบทของเรื่องนี้สามารถขายตัวเองได้ใช้เสน่ห์ความจัดจ้านของตัวตนของตัวละครได้แบบเด็ดขาด โดยวางความซับซ้อนไว้ที่คนสองคนที่หน้าตาเหมือนกันแล้วใส่ความสงสัยว่าเธอทั้งสองเกี่ยวของกันอย่างไงก่อน ซึ่งเชื่อได้เลยว่าผู้ชมร้อยทั้งร้อยสงสัยจุดนี้แล้วมันก็คือลูกเล่นที่ง่ายแต่ได้ผล

 

ก่อนที่ความพลิกผันของเกมในเรื่องจะมาจากตัวละครอัยการจอมแสบ ที่ยังคงมีเรื่องของความดีความชั่วหรือการค้นพบตัวเองเป็นความหมายแฝง ด้วยการใช้สีสันตัวละครที่ฉูดฉาดเชิงมิติ เลือกเล่าในมุมที่เหมือนเสียดสีความน้ำเน่าของตัวเองเล็กๆ เมื่อตัวละครที่มาแทนกันไม่ใช่พจมานที่จะมาจิกหัวใช้แต่เป็นอัยการโจที่สู้ทุกดอก

 

สิ่งนั้นก็นำมาซึ่งความสนุกสนานเบอร์ใหญ่ เพราะธรรมชาติของเรื่องประมาณนี้ น้ำเน่าแบบนี้ มันได้ขีดเส้นแบ่งของหัวใจผู้ชมในเรื่องความรักและความชังลงบนตัวละครไว้อย่างชัดแจ้งแล้ว ซึ่งหมายถึงผู้ชมรักและเอาใจช่วยฝั่งโจยอนจูหรือคังมีนาเต็มที่ และรังเกียจพี่น้องพ่อแม่ของสามีเต็มที่ไม่ต่างกัน มันคือสิ่งที่นำพาความสาสมใจเมื่อได้เห็นพจมานลุกขึ้นสู้เพื่อเอาคืนอย่างเจ็บแสบและทันเกม

 

หรือใครจะลืมที่คังมีนาเก๊พูดภาษาเวียดนามกับคนใช้ได้ลงเพราะอะไรจะคิดออกมาได้ขำปานนั้น แล้วแต่ละอย่างมันดันมาพร้อมเสียงหัวเราะด้วยอารมณ์สะใจเรื่องจึงเดินหน้าไปอย่างเพลิดเพลิน เพลินจนลืมความรั่วของเรื่องหลักที่ตัวร้ายมันเป็นตัวร้ายมิติเดียว นั่นคือเห็นหน้าครั้งแรกหรือได้ยินคำพูดแรกก็รู้แล้วว่าผู้ร้ายตัวจริงเป็นใคร

 

ส่วนเรื่องราวหลักที่เล่าเป็นเบื้องหลังแม้จะดูแข็งแรงแต่ก็มาตรงๆคือฝ่ายดีจะต้องเจอความพลิกผัน โดนต้อนจนมุม โดนกลั่นแกล้งด้วยอำนาจต่างๆนาๆแล้วจึงเห็นว่าบางอย่างก็หาที่ลงง่ายๆหรือหาทางไปเอาดื้อๆเหมือนกัน แต่สิ่งเหล่านั้นไม่มีผลอะไรเลยเมื่อจุดขายที่ตั้งใจมาขาย คือเป็นความตัวตนของตัวละครโจยอนจูยังทำหน้าที่อย่างเคร่งครัดในการพาอารมณ์ผู้ชมออกทัวร์หัวเราะได้ในทุกตอน

 

แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องพลิกผันเร้าใจหรือเดาได้ทั้งหมดโดยสิ้นเชิงเมื่อบทเลือกโรแมนติกแค่พอดีเพราะไม่ต้องเน้นจุดนี้ จึงมีเรื่องพลิกผันด้านความรักและตัวตนของตัวละครบ้างในเกณฑ์ที่พอเหมาะให้หัวใจผู้ชมได้เห็นสีชมพูบ้าง รวมๆแล้วนี่คืองานที่ตั้งใจเอาเสน่ห์ของตัวละครมาเป็นจุดขายและผู้ชมซื้อหมดใจ เพราะแม้บทเอื้อให้อย่างเต็มที่ แต่ก็ต้องยกเครดิตให้นักแสดงด้วยเช่นกัน

 

ชื่อเรื่องก็บอกอยู่โทนโท่แล้วว่า ผู้หญิงหนึ่งคนผู้หญิงคนหนึ่งหรือ หนึ่งเดียวคนนี้ ดังนั้นทุกสิ่งอย่างของเรื่องนี้จึงถูกกำหนดโดยตัวละครและมิติของความเป็นโจยอนจู อย่างที่กล่าวมาข้างต้นว่าจุดขายของเรื่องนี้ก็คือตัวละครซึ่งไม่แน่ใจนักว่าบทนี้ถูกเขียนโดยมีภาพของอีฮานีหรือ Honey Lee อยู่ในจินตนาการของคนเขียนบทหรือไม่

 

เมื่อผู้เขียนเองได้ดูงานของเธอมาแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สี่ แล้วเรามองเห็นว่าบทบาทของเธอเรื่องนี้แทบไม่ต่างจากที่เห็นในเรื่อง The Fiery Priest (2019) ที่บุคลิกรั่วแบบโบ๊ะบ๊ะเรื่องนั้นติดมาถึงงานหนัง Extreme Job (2019) (ส่วนถ้าอยากเห็นเธอเล่นในบทที่ต่างไปแนะนำให้ดู The Bros (2017))

 

แต่ทั้งสองเรื่องนั้นโดยเฉพาะซีรีส์บาทหลวงเลือดระอุ บทของเธอถูกกำหนดทิศทางและมิติโดยบทของคนอื่น ผิดกับเรื่องนี้ที่เธอคือเดอะแบกเพียงคนเดียวอย่างเต็มภาคภูมิ เพราะทุกอารมณ์ ทุกมิติตัวละครจะร้ายจะดี จะถูกกำหนดและแจกจ่ายแอสซิสต์โดยบทโจยอนจู แม้กระทั่งจะรัก จะเกลียด จะให้อภัยใคร ยังต้องถูกกำหนดโดยตัวละครตัวนี้ แถมอีฮานียังเล่นได้ทุกอย่างที่ตัวละครตัวนี้ต้องเป็น

 

ยังไม่พอยังเล่นเป็นสองตัวละครที่ต่างกันสุดขั้ว นั่นหมายความว่าอะไรที่ต้องทำให้ได้อีฮานีทำได้อย่างไม่มีที่ติจนกระทั่งคุมเกมคุมอารมณ์ผู้ชมได้อยู่หมัด ขนาดแค่ทำสีหน้าก็ฮาแล้ว จัดว่าครบเครื่องจนบางครั้งผู้เขียนเองยังอดคิดไม่ได้ว่า บทกำหนดให้เธอทำได้ขนาดนี้หรือมีบ้างหรือไม่ที่เธอใช้ความสามารถเฉพาะตัวลื่นไหลไปกับบท

 

รีวิวซีรี่ย์ One the Woman