รีวิวซีรี่ย์ The Law Cafe (2022)
The Law Cafe บอกเล่าเรื่องราวของ คิมยูริ (รับบทโดย อีเซยอง) ทนายความหญิงเก่งประจำสำนักงานกฎหมายแถวหน้าระดับประเทศ เธอทุ่มเทให้กับการทำคดีสาธารณะประโยชน์เพราะอยากช่วยเหลือประชาชนที่ด้อยโอกาสและขาดหนทางในการสู้คดี นั่นจึงเป็นหนึ่งเหตุผลให้คิมยูริลาออกจากงานประจำแล้วมุ่งมั่นในเส้นทางใหม่ ดูหนังออนไลน์ เธอกำลังมองหาตึกทำเลทองเพื่อเปิดคาเฟ่ที่ให้บริการอาหารและเครื่องดื่ม ดูหนังฟรี พร้อมทั้งยังเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายให้กับลูกค้าได้อีกด้วย ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่มีโฆษณา
คิมยูริ ทนายความสาวอยากผันตัวมาเปิดร้านกาแฟและเธอก็ได้เปิดร้านกาแฟชื่อ Law Cafe
ที่ตึกแห่งหนึ่งซึ่งเธอมารู้ที่หลังว่าเจ้าของตึกที่เธอกำลังจะเซ็นสัญญาเช่านั้นคือ คิมจองโฮ เพื่อนสนิทสมัยมัธยมแต่อยู่ไม่กี่ปีให้หลังเขาก็หายและไม่ยอมพบหน้าเธอมานานหลายปี เมื่อเขารู้ว่าเธอจะมาเช่าก็ก็ยื่นข้อเสนอให้เงินเธอคืน 2 เท่า
The Law Cafe บอกเล่าเรื่องราวของ คิมยูริ (รับบทโดย อีเซยอง) ทนายความสาวที่ถูกขนานนามว่าเป็นทนายผู้ผดุงความยุติธรรม เพราะถึงแม้เธอจะอยู่ในสำนักงานกฎหมายยักษ์ใหญ่ของประเทศ อย่างสำนักงานกฎหมายฮวังแอนด์กู แต่เธอกลับเลือกทำแต่คดีของผู้ด้อยโอกาส จนทำให้เกิดมูลนิธิประชาสงเคราะห์ขึ้นมาเพื่อเธอ
แต่ถึงอย่างนั้นคิมยูริก็ยังเลือกที่จะยื่นซองขาวลาออก เพื่อทำตามความต้องการของตัวเองนั่นก็คือการเปิดร้าน ‘ลอว์คาเฟ่’ คาเฟ่ที่มีบริการเสริมคือการให้ปรึกษาทางด้านกฎหมายแก่ลูกค้าที่มากินกาแฟในร้านคาเฟ่ของเธอ แต่แล้วแผนการเปิดร้านคาเฟ่ของเธอก็เริ่มสั่นคลอนเพราะเจ้าของตึกที่เธอจะเช่าเพื่อเปิดร้านคาเฟ่นั่นดันเป็น คิมจองโฮ (รับบทโดย อีซึงกิ) บุคคลที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมานานถึง 17 ปี และยังเป็นแฟนเก่าที่ถูกบอกลาอย่างงงๆ ในวันคริสมาสต์
คิมจองโฮเมื่อรู้ว่าคิมยูริจะมาเป็นผู้เช่า เขาก็คัดค้านหัวชนฝาไม่ยอมให้เธอมาเปิดลอว์คาเฟ่ที่นี่ ทางด้านคิมยูริก็ต้องการที่จะมาเปิดร้านในตึกนี้ให้ได้ เรื่องราววุ่นๆระหว่างเจ้าของตึกกับทนายผู้ไม่ยอมใครจึงเกิดขึ้น ความสัมพันธ์ที่ถูกกาลเวลาฝังกลบ คดีที่เป็นจุดหมายปลายเหตุที่ทำให้ทั้งคู่ต้องแยกจาก ก็ได้หวนกลับมาอีกครั้ง
เป็นการคัมแบ็คของอีซึงกิ เจ้าชายแห่งวงการรอมคอม รีวิวซีรี่ย์ The Law Cafe (2022)
พลิกบทจากฆาตกรโรคจิต สู่อดีตอัยการ เจ้าของตึกสุดอัจฉริยะ กับซีรีส์รอมคอม สบายๆ รับวันจันทร์-อังคาร เป็นเรื่องราวชวนหัวปวด ของอดีต 2 เพื่อนรัก/คนเคยรัก ที่ต้องจับพลัดจับผลูมาอาศัยร่วมตึกเดียวกัน เมือคิมยูริ ทนายสาวสุดเฟี๊ยซ ตัดสินใจจะเปิดคาเฟ่รับปรึกษาคดีให้ชาวบ้าน โดยบังเอิญไปเช่าตึกของคิมจองโฮ อดีตเพื่อนรักเข้า
จุดเด่นของซีรีส์เรื่องนี้ คือ เคมีระหว่าง อีซึงกิ และอีเซยอง นี่แหละ ที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้เต็มไปด้วยเสน่ห์ และน่าติดตาม ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะกลับมาสานต่อความรู้สึกที่เคยมีต่อกันได้ยังไง โดยในเรื่องนี้ซีรีส์ใช้วิธีให้ตัวละครคุยกับกล้อง เหมือนพูดกับผู้ชมในฐานะคนคอยติดตามเรื่องราวเลย ว่าแต่ละคนมีมุมมองยังไงกับเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น
โดยใน 2 ตอนแรก ซีรีส์จะเล่าถึงเส้นทางของสองตัวละคร เริ่มจากฝั่งของ “คิมยูริ” ที่อยู่ดีๆ ก็ตัดสินใจลาออกจากสำนักงานทนายความ เพื่อมาเปิดคาเฟ่กฎหมายให้คนทั่วไป มาซื้อกาแฟพร้อมกับขอรับคำปรึกษาไปได้ แต่ปัญหาคือ ตึกที่เธอตัดสินใจจะเช่า ดันเป็นตที่ “คิมจองโฮ” อดีตคนรักของเธอสมัยมหาวิทยาลัยเป็นเจ้าของ เรื่องราวความไม่ลงรอยกัน และการชวนทะเลาะด้วยข้อกฎหมาย บวกกับคาแรคเตอร์ซึนๆ เป็นห่วงกัน อยากเจอกัน แต่ก็ไม่พูดกันไปตรงๆ ยิ่งทำให้ผู้ชมต้องลุ้นกันหนักมาก ว่าเมื่อไหร่คู่นี้จะลงเอยกันสักที
ซีรีส์ด้านกฎหมายส่วนมากจะมีฉากในศาลและการพิจารณาคดีอยู่แล้วแต่เรื่องนี้โลเคชั่นหลักเลยคือร้านนางเอกเป็นเสมือนจุดเริ่มต้นของคดีเพราะคนมีปัญหาจะเข้ามาปรึกษา อย่างเช่น เคสเสียงดังตอนกลางคืนแล้วเข้ามาหานางเอกตอนกลางคืนพร้อมกับค้อน ตอนนี้ก็จะออกโทนเหมือนแนวฆาตกรรม แต่ซีรีส์ก็จะหักมุมเป็นแค่มาปรึกษาคดีเท่านั้นเอง ส่วนฉากด้านนอกก็จะมีความฟุ้งโรแมนติกอย่างเช่นทางเดินที่มีต้นซากุระที่กำลังออกดอกอยู่ก็จะมีความโรแมนติกฉากก็จะตัดให้นางเอกนึกถึงอดีต
พิสูจน์ความสนุกต่อผู้ชมแล้วด้วยเรตติ้งเปิดตัวสูงถึง 7.1%
แต่นั่นยังไม่เท่ากับความดีงามของเนื้อหาสาระที่ส่งผ่านมาอย่างลงตัวทุกมิติ บทจะขำก็เล่นเอาหัวเราะน้ำตาไหล บทจะหวานก็ทำเอาหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ขณะที่พาร์ทกฎหมายและปมใหญ่ก็เข้มข้นเอาเรื่อง สนุกครบรสขนาดนี้มีแต่คำว่าลงแดงลอยอยู่บนหัวหลังดูจบ คงต้องเอาใจช่วยให้ประคองความสนกไปได้จนถึงตอนสุดท้าย ใครกำลังมองหาซีรีส์ที่อิ่มทั้งใจและได้เนื้อเน้น ๆ จากประเด็นทางสังคม เก็บเรื่องนี้ไว้พิจารณา เชื่อว่าไม่ทำให้แฟนละครผิดหวังอย่างแน่นอน
ซีรีส์เรื่องนี้เป็นซีรีส์ที่สามารถผสมผสานเรื่องราวหลากรสชาติให้สามารถผสมรวมกันได้อย่างกลมกล่อม โดยสามารถบาลานซ์ไม่ให้เส้นเรื่องใดเส้นเรื่องนึงมันเด่นชัดกว่าเส้นเรื่องอื่นๆมากจนเกินไป ทำให้เนื้อเรื่องสามารถดำเนินไปได้อย่างสมูทมากๆ ในเส้นเรื่องความเข้มข้นอย่างการแก้แค้นบริษัทก่อสร้างโดฮันก็สามารถแจกบทให้กับตัวคิมยูริ และคิมจองโฮที่หันมาจับมือกันแก้แค้นด้วยวิธีของตัวเองที่ชวนว้าว และชวนฮาแตกไปพร้อมๆกัน เส้นเรื่องความรักความสัมพันธ์ที่ถักทอมาอย่างยาวนานของพระนางก็ชวนฟินทุกครั้งที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน เส้นเรื่องของกฎหมายก็ย่อยง่าย และคดีก็เป็นคดีใกล้ตัวที่มันอาจจะเกิดกับเราเมื่อไหร่วันไหนก็ได้
ไม่พอตัวละครอื่นๆในเรื่องไม่ว่าจะเป็น 2 หนุ่มพนักงานในร้านคาเฟ่ คุณป้าผู้เช่าตึกของจองโฮ เพื่อนสนิททั้ง 2 ของจองโฮและยูริ รวมไปถึงลูกพี่ลูกน้องจิตแพทย์ของจองโฮ ก็ล้วนเป็นตัวละครที่มาสร้างสีสันให้กับเรื่องนี้ให้ทุกอย่างมันมีสีสันที่น่าดูมากยิ่งขึ้น ในซีรีส์ คดีที่ลูกค้าร้านคาเฟ่ของยูรินำมาปรึกษาเธอมักจะเป็นคดีที่ประชาชนตัวเล็กๆต้องมารับกรรมจากความสะเพร่าและเห็นแก่การประหยัดเงินทุนของบริษัทหรือองค์กรขนาดใหญ่
โดยคดีแรกที่ยูริพาคนดูขึ้นศาลคือคดีของลูกจ้างที่เกิดอุบัติเหตุระหว่างการทำงานจนเสียชีวิต โดยทางฝ่ายของจำเลยที่เป็นบริษัทพยายามจะโต้แย้งว่าบริษัทมีอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน รัดกุม และปลอดภัยแล้ว การประสบอุบัติเหตุของลูกจ้างมันเกิดจากความประมาทเลินเล่อของตัวลูกจ้างเอง แต่เมื่อซักพยานและขุดคดีนี้อย่างลึกๆกลับกลายเป็นว่าบริษัทไม่ได้เห็นค่าของลูกจ้างที่เป็นมดงานทำงานหาเงินให้กับบริษัทเลย อุปกรณ์รักษาความปลอดภัยไม่ได้มาตรฐาน ระบบการทำงานที่ไม่เป็นระบบหากนายสั่งถึงแม้จะรู้ว่าอันตรายก็ต้องทำเพียงเพราะกลัวว่าจะถูกเลิกจ้าง ต้องก้มหน้าอดทนทำงานอย่างเต็มที่ทั้งๆที่ชีวิตถูกแขวนอยู่บนเส้นด้ายในทุกวินาทีที่ทำงาน
สำหรับสัปดาห์นี้ซีรีส์ก็เดินทางมาถึง 4 EP แล้ว บอกเลยว่า ใครเสียน้ำตาง่าย เรื่องความรุนแรงในครอบครัว มีอินตามจนต้องน้ำตาซึมแน่นอน เพราะทุกคนแสดงดีมากๆ ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงเด็กที่ต้องมารับบทเหยื่อความรุนแรงในเรื่อง และ คิมยูริ รับบทโดย “อีเซยอง” ที่สามารถส่งพลังความรัก ความห่วงใยออกมาได้แบบอบอุ่นมากๆและสุดท้ายจุดเด่นที่สุดของซีรีส์เรื่องนี้ ก็คือ ความตรงไปตรงมาระหว่าง คิมจองโฮ กับ คิมยูริ ในฉากสุดท้ายของ EP.4 นี่แหละ ไม่ต้องมาลุ้น มาเดาใจ หรือมาแอบชอบแล้ว จังหวะนี้ คือ อยากเป็นมากกว่าพี่น้อง อยากจูบ อยากกอด ยูริ ของเราก็ขอ จองโฮ แบบตรงๆ ไม่อ้อมค้อมไปเลย ซึ่งจะว่าไปก็ดีไปอีกแบบ ที่เราจะได้โฟกัสที่ความรู้สึกของ จองโฮ กับ ยูริ ไปเลย ว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาจะผ่านเรื่องราวต่างๆที่กำลังจะเข้ามา และลงเอยด้วยกันได้ยังไง
ภาพในแต่ละซีนของเรื่องนี้บอกเลยว่า สวยแบบสลักจิตสะกดใจ
สวยจนอยากจะบินไปเกาหลีเพื่อตามรอยให้ครบทุกจุด ไม่พอเพลงประกอบของเรื่องนี้ก็คัดสรรมาอย่างดี ขนศิลปินเจ้าแม่เจ้าพ่อเพลงประกอบซีรีส์มาแบบจุกๆไม่ว่าจะเป็น CHEEZE, Ailee, JO YURI อดีตสมาชิก IZ*ONE ไม่พอในเรื่องยังมีเพลงที่อีซึงกิ พระเอกของเราร้องอีกด้วยบอกเลยว่าเพราะมากกก ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง!
อีซึงกิ รับบทเป็น คิมจองโฮ อัยการที่ฉลาด แต่เพราะเรื่องของเขาเลยจ้องลาออกและเริ่มเดินตามความฝันในอดีตกับการเป็นนักเขียนนิยาย พระเอกออกแนว กวนๆ มีความรู้ และเก่งด้านกฎหมาย แอบรักนางเอกมาตั้งแต่สมัยเรียน แอบรักแต่ไม่ยอมสารภาพ และขี้หึงนักมาก ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้นางเอกเข้าจะต้องคอยไปแทรกกลางเสมอ
อีเซยอง รับบทเป็น คิมยูริ ทนายความที่ว่าความเพื่อคนจน เธอเป็นจอมตื้อ และมีวิธีการในการโน้มน้าวใจคน เธอร่าเริงและสดใส ในอดีตพ่อเธอต้องเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุในการทำงานแต่ศาลตัดสินว่าเป็นความประมาทเลยทำให้นางเอกเป็นปมมในชีวิต ในใจลึกๆเธอก็แอบชอบ คิมจองโฮ มาตลอด เวลาเธอโมโหใครก็ไม่สามารถสู้เธอได้แม้แต่พระเอกยังต้องย่อมลงให้
เนื้อเรื่องสนุกเดินเรื่องเร็ว รีวิวซีรี่ย์ The Law Cafe (2022)
สะท้อนเรื่องดำมืดของวงการกฎหมายเมื่อเสียงของคนจนไม่ดังเท่านายทุน การให้โอกาสของคนที่เคยติดคุก อย่างเช่นพนักงานนางเอกที่เมื่อก่อนเคยติดคุกแต่นางเอกก็ย่อมให้มาทำงานที่ร้านด้วย เบรกเรื่องเครียดด้วยโมเมนต์การคลั่งรักและการแอบรักของพระเอก และเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ของทั้งสองคนตั้งแต่มัธยม
ใครยังไม่ได้มาดูความน่ารักของ อีเซยอง ในซีรีส์เรื่อง The Law Café คือพลาดมากจริงๆ เพราะเรื่องนี้ มาแบบนัมเบอร์วันด้านการเต๊าะผู้ชายเลย หลังจากที่สัปดาห์ที่แล้วปิดท้ายไปด้วยการขโมยจูบมาจาก “คิมจองโฮ” พร้อมกับบอกว่าอยากเป็นมากกว่าพี่น้อง เล่นเอา จองโฮ ถึงกับตั้งตัวไม่ถูก ว่าจะจัดการกับความรู้สึกตัวเองยังไง จนสุดท้าย จองโฮ ก็ตัดสินใจไม่ฝืนความรู้สึกตัวเองอีกต่อไป พยายามอยู่ใกล้ๆ คอยช่วยเหลือ คอยซัพพอร์ต ยูริ ตลอดเวลาที่อยู่ใกล้กับเธอ
ทางฝั่งของ ยูริ หลังจากพูดความในใจออกไปแบบนั้น ก็พยายามหาคำตอบอยู่เหมือนกันว่าเริ่มชอบ จองโฮ ตอนไหน ถึงได้มีอาการคลั่งหนุ่มใส่เสื้อวอร์มมากขนาดนี้ จุดนี้ขอชมเลยว่า อีเซยอง ดึงความเป็น คิมยูริ ออกมาได้สมบูรณ์แบบจริงๆ โดยเฉพาะส่วนที่เป็นคนพูดอะไรออกไปด้วยความรู้สึกที่มี ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์รัก เสียใจ โกรธ หรือผิดหวัง ยูริ ไม่เคยปิดบังว่าไม่รู้สึกเลย แต่เธอจะมีวิธีเยียวยาตัวเอง พาตัวเองกลับมาได้เสมอ
ไม่แปลกใจเลย ที่ฉากโต๊ะกินข้าวระหว่าง จองโฮ กับ ยูริ เขาจะตัดสินใจพูดกับเธอว่า ฉันไปจากเธอไม่ได้ ต่อให้เธอเกลียดขี้หน้าฉัน บอกให้ฉันไสหัวไป ฉันก็ไปจากเธอไม่ได้ เพราะสำหรับ จองโฮ ที่เฝ้ามอง ยูริ มาตลอด เขาเห็นเธอทั้งในมุมที่เข้มแข็ง และมุมที่อ่อนแอ ซึ่งบนโลกนี้ ก็คงมีแค่เขาคนเดียว ที่จะเข้าใจสิ่งที่ ยูริ ต้องการ