รีวิวซีรี่ย์ Youth of May
Youth of May – ซีรีส์เกาหลีย้อนยุคที่จะพาเราย้อนกลับไปยังเดือนพฤษภาคม ปี 1980 ณ เมืองกวางจู ประเทศเกาหลีใต้ โดยเล่าเรื่องราวผ่านความรักของคนสองคนท่ามกลางสถานการณ์บ้านเมืองที่ไม่ปกติ และซีรีส์เรื่องนี้อ้างอิงถึงเหตุการณ์สังหารหมู่ผู้ชุมนุมที่ปักหลักเรียกร้องประชาธิปไตยเป็นเวลา 10 วันที่กวางจูหรือที่รู้จักกันว่า Gwangju Uprising ดูหนัง
หลายคนอาจรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตากับอีโดฮยอนในบทเด่นจากเรื่อง Hotel Del Luna, 18 Again และโกมินชีจากเรื่อง Hello, my twenties 2, Love Alarm, etc. และทั้งสองยังได้รับบทเป็นพี่น้องกันในเรื่อง Sweet Home ซึ่งใครที่ดูไปแล้วจะรู้ว่าพี่น้องคู่นี้ดูไม่ค่อยถูกกันสักเท่าไร เมื่อกลายมาเป็นบทพระเอกนางเอกในเรื่อง Youth of May ก็จัดว่าเคมีเข้ากันสุด ๆ ดูหนังออนไลน์
นอกจากความคุ้นหน้าคุ้นตาพระเอกและนางเอกของเรื่องแล้ว เราเชื่อว่ามีหลายคนที่แม้จะยังไม่ได้ดู ก็ได้เห็นบางฉากในเรื่องนี้มาจากทวิตเตอร์ ส่วนตัวเราเห็นทวีตที่พูดถึงตอนจบของเรื่อง เรียกได้ว่าโดนสปอยล์ยับตั้งแต่ยังไม่เริ่มดูเลยค่ะ แต่ก็เป็นตอนจบที่ทำให้เราตัดสินใจกดดูซีรีส์เรื่องนี้เช่นกัน ดูหนัง 4k
เดือนพฤษภาคม ปี 1980 ฮวังฮีแท นักศึกษาแพทย์มหาวิทยาลัยโซลเดินทางกลับบ้านเกิดที่เมืองกวางจูเพื่อทำเรื่องย้ายผู้ป่วยติดเตียงคนหนึ่ง และได้พบกับคิมมยองฮี พยาบาลสาวในห้องฉุกเฉินที่ทำงานส่งเงินให้ครอบครัวที่อาศัยอยู่อีกเมือง ทั้งสองคนพบกันในเดือนพฤษภาคมที่ดอกไม้ผลิบาน เช่นเดียวกับความรักที่ผลิบานในใจคนทั้งสองภายใต้สถานการณ์ทางการเมืองที่วุ่นวายและไม่สามารถรู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันข้างหน้า ดูหนังออนไลน์ 4k
ฮวังฮีแท – นักศึกษาแพทย์จากมหาวิทยาลัยโซล บ้านเกิดอยู่ที่เมืองกวางจู มีพ่อ, ฮวังกีนัม ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายสืบสวนต่อต้านคอมมิวนิสต์ที่ร่ำรวยและดูมีอิทธิพล ชีวิตในบ้านของฮีแทจะต้องทำตามคำสั่งพ่อและทำตัวเป็นลูกชายแสนดีอยู่ตลอด
คิมมยองฮี – พยาบาลห้องฉุกเฉินประจำโรงพยาบาลในกวางจู เป็นคนที่ทำงานหาเงินส่งให้ครอบครัวที่อาศัยอยู่อีกเมือง ไม่ได้มีฐานะมากนัก เรียนไม่จบมัธยมเพราะเคยเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องออกจากโรงเรียน มีความฝันที่จะไปเรียนต่อและใช้ชีวิตที่ต่างประเทศโดยไม่กลับไปที่เกาหลีอีก
อีซูรยอน – เพื่อนสนิทของมยองฮี หนึ่งในแกนนำการประท้วงที่กวางจู เป็นลูกสาวนายทุนที่ร่ำรวย แม้พ่อจะไม่อยากให้ลูกสาวไปยุ่งกับการประท้วงนัก ซูรยอนก็พยายามทำทุกอย่างเพื่อการเรียกร้องประชาธิปไตยเสมอ
อีซูชาน – พี่ชายซูรยอน เพิ่งเดินทางกลับจากการเรียนต่อที่ต่างประเทศมาทำธุรกิจเวชภัณฑ์ที่บ้าน
ฉากแรกเปิดมาด้วยการพบโครงกระดูกที่ไซต์ก่อสร้างในเมืองกวางจู ปี 2021 เท่านี้ก็รู้เลยค่ะว่าเรื่องนี้ต้องมีคนตาย และเกิดเป็นคำถามให้ผู้ชมได้เดากันว่าโครงกระดูกที่พบนั้นคือใคร จากนั้นเรื่องก็เล่าย้อนกลับไปในเดือนพฤษภาคม ปี 1980 ที่เกาหลีใต้ยังคงถูกปกครองด้วยรัฐบาลเผด็จการและยังมีทีท่าว่าจะเกิดการรัฐประหารขึ้น รีวิวซีรี่ย์
ปิดกั้นเสรีภาพการแสดงออกของประชาชน มีการข่มขู่คุกคามถึงขั้นทำร้ายร่างกายอย่างสาหัสหรือถึงกับทำให้หายสาบสูญกับผู้ต่อต้านรัฐบาล ผู้ต่อต้านรัฐบาลเหล่านั้นถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์และมีผู้บงการอยู่เบื้องหลัง (คำว่าคอมมิวนิสต์ของเกาหลีใต้ ณ เวลานั้น น่าจะหมายถึงเป็นสายลับจากเกาหลีเหนือ)
แม้จะเป็นช่วงเวลาหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์เกาหลีที่โหดร้ายและตึงเครียด ซีรีส์เรื่องนี้ค่อนข้างชูประเด็นความรักของพระเอกและนางเอกเป็นหลักโดยมีความเกี่ยวข้องทางการเมืองของทั้งคู่และคนรอบตัวคอยส่งให้ความรักครั้งนี้มีทั้งรสหวานและขมในเวลาเดียวกัน หวานด้วยความรักอย่างสุดหัวใจที่มีให้กันแม้พบเจอไม่กี่ครั้ง
แต่ก็ขมด้วยอุปสรรคอย่างสิ่งที่ไม่สามารถหลีกหนีได้อย่างครอบครัวของทั้งคู่ที่มีสถานะทางสังคมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง รวมทั้งอุดมการณ์ทางการเมืองที่เห็นได้ชัดว่าฮวังกีนัม, พ่อของฮีแทอยู่ฝ่ายเผด็จการอย่างชัดเจนในขณะที่คนรอบตัวฮีแทและมยองฮีนั้นเรียกร้องประชาธิปไตยกันสุดความสามารถ แต่ด้วยรสหวานและขมนี้ก็ทำให้มีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครด้วยเป็นอย่างดีและยังคงนำเสนอผลกระทบจากการปกครองแบบเผด็จการต่อประชาชนในตอนนั้นได้ดีเช่นกัน
เอาตรง ๆ ตอนแรกนึกว่าเนื้อเรื่องจะโฟกัสไปที่การประท้วงต่อต้านรัฐบาล เรียกร้องประชาธิปไตยเป็นหลัก แต่พอดูจนจบแล้วเราคิดว่าเนื้อเรื่องส่วนที่พูดถึงการเป็นแอคทิวิสต์ของซูรยอนและเพื่อน ๆ แกนนำน้อยแล้วก็จางไปหน่อย ซูชานที่เป็นพี่ชายซูรยอนก็ไม่ได้เข้าใจน้องสาวขนาดนั้น
ขนาดฮีแทกับมยองฮีที่มีเพื่อนเป็นแกนนำนักศึกษาก็ดูไม่ได้สนใจและมีส่วนร่วมทางการเมืองอะไรมากมาย โดยเฉพาะฮีแทที่ต้องทำตัวเชื่อฟังพ่ออย่างเลี่ยงไม่ได้ ส่วนของมยองฮีนี่เราเดาเอาเองว่าอาจเป็นเพราะมยองฮีตกอยู่ใต้ความหวาดกลัวจากเรื่องในอดีตเลยเลือกที่จะอยู่อย่างเงียบ ๆ
อย่างไรก็ตาม การถ่ายทอดเรื่องราวผ่านตัวละครที่ดูเหมือนไม่ตื่นตัวทางการเมืองคงมีเหตุผลแหละค่ะ อย่างแรกคือทางผู้สร้างตั้งใจให้ออกมาโรแมนติก จากที่เราบอกไปข้างบนว่าเรื่องนี้ค่อนข้างโฟกัสความสัมพันธ์ฮีแทและมยองฮี ทำให้เป็นเรื่องราวความรักท่ามกลางสถานการณ์บ้านเมืองที่ไม่ปกติรวมทั้งปัญหาจากครอบครัวด้วย
เหตุผลต่อมาที่เราตีความเอาเองคือทุกคนหนีไม่พ้นการเมือง ถึงใครจะเลี่ยงหรือเมินเฉยกับการแสดงออกทางการเมืองเพราะไม่อยากโดนจับตัวไปสอบสวนหรืออะไรก็แล้วแต่ การใช้ชีวิตประจำวันปกติแต่หวาดกลัวกับการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง การถูกลิดรอนเสรีภาพ
หากใครคิดต่างจากสิ่งที่รัฐอยากให้คิดก็จะตกอยู่ในอันตราย นั่นก็คือความไม่ปกติและผลกระทบจากการเมืองต่อทุก ๆ คน อะไรทำนองนี้ และเพื่อให้มีตัวละครที่เป็นตัวแทนของ privileged people ที่ ‘ถ้าไม่เจอกับตัวก็คงไม่มีวันเข้าใจ’ ด้วย กว่าฮีแทและมยองฮีจะได้มีความสุขด้วยกันในเวลาสั้น ๆ
ก็ต้องผ่านอุปสรรคที่เกิดจากทั้งคนรอบข้างและตัวเองเยอะแยะไปหมด คือตอนที่ดูเหมือนโดนเหวี่ยงให้ขึ้นไปบนฟ้าแล้วโดนกระชากกลับลงมากระแทกพื้นอีกที เป็นความรู้สึกแบบนี้อยู่แทบทั้งเรื่องเลยค่ะ นี่ดูซีรีส์หรือนั่งรถไฟเหาะก็ไม่รู้ แล้วความรักและความสัมพันธ์ของทั้งคู่คือเหมือนกับว่าเป็นครั้งแรกที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการหลังจากทั้งชีวิตที่ผ่านมาฮีแทต้องทำตามคำสั่งพ่อกับมยองฮีที่มีปมในใจจนไม่กล้าทำในสิ่งที่ต้องการ แต่ทั้งคู่ก็ใช้ความพยายามและความกล้าทั้งหมดในชีวิตเพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่มีค่านี้ไว้สุด ๆ
รีวิวซีรี่ย์ Youth of May
อ่านมาจนถึงย่อหน้าเมื่อกี้แล้วอาจจะรู้สึกว่าแอบน้ำเน่าไปหน่อย(หรือไม่แอบนะ) นั่นแหละค่ะ ถึงจะดูน้ำเน่าแต่ก็เป็นหนึ่งในเรื่องราวที่สามารถเป็นตัวแทนสะท้อนถึงความสูญเสีย ความเจ็บปวดที่เคยเกิดขึ้นกับผู้คนในเหตุการณ์จริง นำเสนอผลกระทบและความโหดร้ายที่เกิดจากรัฐบาลเผด็จการ
ทุกหนึ่งชีวิตที่สูญเสียไปจากเหตุการณ์สังหารหมู่ครั้งนั้นมีครอบครัว มีคนรัก มีเพื่อน แต่เผด็จการกลับพรากชีวิตของพวกเขาทั้งที่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิด ทิ้งไว้เพียงความเจ็บปวดจากการสูญเสียและยังคงเป็นบาดแผลใหญ่ในหน้าประวัติศาสตร์ที่ไม่มีวันลืมลง
ความแตกต่างกันด้านฐานะนั้นนับว่าส่งผลอย่างสูงต่อพฤติกรรมและการตัดสินใจของแต่ละตัวละครอย่างยิ่ง สังเกตได้จากการที่ มยองฮี ที่อยากไปเรียนต่อเมืองนอกเหลือเกิน แต่เพราะครอบครัวยากจน ประกอบกับเธอออกมามาใช้ชีวิตแยกจากครอบครัว ทำให้ต้องทำงานทั้งกะกลางวันและกลางคืนเพื่อเร่งเก็บเงินให้เพียงพอจะซื้อตั๋วเครื่องบินราคาแพงให้ได้ ทั้งยังต้องพึ่งพาอาศัยทุน ซึ่งถ้าเกิดมาบ้านรวย คงไม่ต้องปากกัดตีนถีบขนาดนี้
ขณะที่คนรวยทั้งหลาย ดูจะมีชีวิตที่ดีกว่ามาก พวกเขาไม่ต้องคิดเรื่องปากท้อง แต่กลับหมกมุ่นเรื่องการรักษาหน้าตา รักษาระดับฐานะและความมั่งคั่งอย่างการสร้างคอนเน็กชันผ่านการมีทายาทไว้เพื่อจับคู่แต่งงาน ในเรื่องนี้ พระเอกคือคนรวยที่สามารถเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชื่อดัง
เลือกจะยืดการจบออกไปเพื่อจะได้เข้าร่วมประกวดร้องเพลง ขณะที่นางเอกต้องปากกัดตีนถีบ ทำงานดูแลคนไข้ (ที่บางรายก็ชอบมาลวนลามพยาบาล) หามรุ่งหามค่ำ และต้องยอมทำบางอย่างที่ดูไร้ศักดิ์ศรี ยอมปลอมตัวเป็นเพื่อนไปนัดบอดกับผู้ชาย หาเงินเป็นค่าเครื่องบินเพื่อไปเรียนต่อเมืองนอก ชีวิตของคนรวยกับคนจนช่างแตกต่างกันเหลือเกิน
คนงานไซต์ก่อสร้างพบโครงกระดูกมนุษย์ที่เมืองควังจู ตำรวจส่งโครงกระดูกไปตรวจดีเอ็นเอที่สถาบันนิติเวช ด้านผู้ที่อยู่ในวงการเมืองให้ความเห็นว่า มีความเป็นไปได้อย่างสูง ที่จะเป็นโครงกระดูกของเหยื่อในเหตุการณ์การเรียกร้องประชาธิปไตยที่เมืองควังจู เมื่อพฤษภาคม 1980
ย้อนกลับไปเมื่อปี 1980 ช่วงวิกฤติการเมืองในเกาหลี
ฮวังฮีแท (รับบทโดย อีโดฮยอน) นักศึกษาแพทย์หนุ่มสุดหล่อแห่งโรงเรียนแพทย์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล เขาเรียนเก่งขนาดได้อันดับหนึ่งของรุ่น แต่ด้วยความเกเรและเหตุการณ์บางอย่างทำให้เขาเลือกที่จะทำให้ตัวเองเรียนไม่จบ
ในขณะนั้น นักศึกษากลุ่มหนึ่งรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย แต่ฮวังฮีแทกลับไม่ให้ความสนใจแม้แต่น้อย เพราะสิ่งที่ฮวังฮีแทสนใจเพียงอย่างเดียวในตอนนี้ก็คือ การหาเงินเพื่อรักษาจางซอกชอลที่อยู่ในอาการโคม่า และพาเธอกลับบ้านเกิดที่เมืองควังจูตามคำขอของเธอ ถึงแม้ว่าเขาจะขายรถสปอร์ตโรดสเตอร์สุดเท่ของเขาไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเงินจำนวนดังกล่าวจะยังไม่พอ
ฮวังฮีแทเดินจากโซลมายังเมืองควังจู เพื่อติดต่อทางโรงพยาบาลควังจูให้รับจางซอกชอล … จริง ๆ แล้วฮวังฮีแทเกิดที่เมืองควังจู แม่ของเขาเสียไปตั้งแต่เขายังเด็ก พ่อของเขา ฮวังกีนัม มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าหน่วยสืบสวนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศ ซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้ามกับกลุ่มนักศึกษาที่เรียกร้องประชาธิปไตย
ความพยายามของฮีแทที่ย้ายจางซอกชอลกลับมาที่บ้านเกิด ติดปัญหาอยู่เพียงอย่างเดียวคือเงิน อย่างไรก็ตาม การมาครั้งนี้ของเขาทำให้ได้เจอกับพยาบาลสาวคิมมยองฮี (รับบทโดย โกมินซี) เป็นครั้งแรก คิมมยองฮี พยาบาลสาวประจำแผนกฉุกเฉินโรงพยาบาลควังจู เธอเป็นคนที่ทำงานหนักควงกะเช้าบ่ายดึก เพราะต้องหาเงินส่งให้ที่บ้านให้พ่อแม่และน้อง รวมถึงต้องไล่ล่าตามหาฝันของตัวเองที่จะไปเรียนต่อที่ประเทศเยอรมนี
อีซูรยอน (รับบทโดย กึมแซรก) เป็นลูกสาวนักธุรกิจผู้ร่ำรวย เพื่อนรักของมยองฮี เธอเป็นคนที่ฝักใฝ่ในเรื่องการเมืองชนิดเข้าเส้น เป็นตัวตั้งตัวตีเรียกร้องประชาธิปไตย … ซูรยอนมีพี่ชายชื่ออีซูชาน (รับบทโดย อีซังอี) ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากการเรียนด้านการบริหารธุรกิจ ที่ประเทศฝรั่งเศส เขามีแผนจะทำบริษัทขายเวชภัณฑ์
ทีนี้ เรื่องราวก็ดำเนินไปจนกระทั่ง มยองฮีได้รับจดหมายตอบรับจากมหาวิทยาลัยในเยอรมนี แล้วยังได้ทุนอีกด้วย ซึ่งในสมัยนั้นค่าตั๋วเครื่องบินแพงมาก ๆ (8 แสนวอน) ทำให้เธอไม่มีเงินค่าตั๋วเครื่องบิน ซึ่งทุนที่ได้รับกำหนดเอาไว้ว่าจะต้องเดินทางภายในเดือนหน้า มยองฮีจึงมองสมุดบัญชีของตัวเองที่มีเงินเพียง 2 แสนกว่าวอน ด้วยความเศร้าใจ
ต่อมา ซูรยอนพาเพื่อน ๆ บุกเข้าไปในโรงพิมพ์ของพ่อ เพื่อพิมพ์แถลงการณ์เพื่อใช้ในการประท้วง แต่ทว่าเธอและเพื่อน ๆ ก็ถูกตำรวจจับได้ พ่อของซูรยอนเลยต้องขอให้ฮวังกีแท (พ่อของฮีแท) ช่วยใช้เส้นสายเพื่อเอาซูรยอนออกมาจากห้องขัง ทำให้กลายเป็นหนี้บุญคุณกัน ฮวังกีแทซึ่งหวังจะให้ฮีแทแต่งงานกับซูรยอนจึงออกปาก ซึ่งพ่อของซูรยอนก็เห็นดีด้วย
เมื่อซูรยอนถูกปล่อยออกมาจากห้องขังก็ฟาดงวงฟาดงา จะขอให้พ่อปล่อยเพื่อน ๆ เธอด้วย พ่อเธอจึงสบโอกาสตั้งเงื่อนไขแลกกับการที่เธอต้องไปเดตกับฮีแท ซูรยอนร้อนใจเป็นอย่างมาก เพราะฮีแทเป็นลูกชายของฮวังฮีแท ซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้ามกับเธอในเชิงการเมือง ซูรยอนจึงเกิดไอเดียบรรเจิดขึ้นมา โดยให้มยองฮีเพื่อนรักไปออกเดตแทนเธอแลกกับเงินค่าตั๋วเครื่องบินไปเยอรมนี (ฮีแทเคยเจอทั้งมยองฮีกับซูรยอน แต่ต่างฝ่ายต่างไม่รู้ว่าเป็นใคร)
ตัดมาที่ฮีแทก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน เขาขอเงินกับพ่อเพื่อนำไปย้ายโรงพยาบาลให้จางซอกชอล แลกกับการที่เขาจะเชื่อฟังคำสั่งทุกอย่าง เขาจึงต้องไปออกเดตกับซูรยอนอย่างเสียมิได้ เมื่อถึงวันออกเดต เกิดมีอุบัติเหตุรถชนเด็กข้ามถนน ซึ่งเป็นจังหวะที่ฮีแทกับมยองฮีอยู่ในเหตุการณ์ มยองฮีจึงเข้าไปช่วยเด็กจนฟื้นขึ้นมา ฮีแทมองมยองฮีด้วยความประทับใจ โดยที่เขาเข้ามจว่ามยองฮีคือซูรยอน
นัดบอดครั้งนี้ของคิมมยองฮีก็เป็นไปเพียงเพื่อให้ถูกผู้ชายปฏิเสธ ดังนั้น อีซูรยอนจึงแนะนำทุกอย่างเพื่อให้นัดบอดแรกกลายเป็นนัดครั้งสุดท้าย ที่ร้านกาแฟตามเวลานัดหมาย มยองฮีเจอฮวังฮีแทที่ดูเหมือนว่าจะประทับใจเธอเป็นพิเศษ แม้มยองฮีจะทำตามทุกอย่างทุกขั้นตอนที่ซูรยอนสอนเอาไว้ มันก็ไม่สามารถทำให้ฮีแทลดความสนใจในตัวเธอได้เลย สุดท้ายมยองฮีจึงใช้ท่าไม้ตายที่ซูรยอนสอนเอาไว้ นั่นก็คือช๊อปปิ้งให้กระเป๋าฉีก โดยต้องเลือกของที่แพงที่สุด แต่เอาเข้าจริงมยองฮีกลับซื้อแค่ซองใส่พาสปอร์ตเท่านั้น
ระหว่างนั้น ฮีแทสังเกตเห็นว่ารองเท้าส้นสูงของมยองฮีหลวมเกินไป เขาจึงแอบซื้อรองเท้าส้นเตี้ยเพื่อให้เธอใส่ออกเดตในครั้งหน้า และนั่งรถแท็กซี่ไปส่งเธอที่บ้านของซูรยอน ดูเหมือนว่าแผนที่ซูรยอนวางเอาไว้จะล้มเหลวไม่เป็นท่า ยิ่งเมื่อเห็นฮีแทซื้อรองเท้าให้อีก เธอจึงไม่ให้มยองฮีใส่มัน เพราะอาจทำให้ฮีแทคิดว่าฝ่ายหญิงมีใจให้
ด้านฮีแทกลับถึงบ้านอย่างมีความสุข เขาเขียนโน้ตเพลงเมื่อคิดถึงเธอ … พ่อของเขา ฮวังกีนัมย้ำกับฮีแทว่าอนาคตของครอบครัวขึ้นอยู่กับการแต่งงานครั้งนี้ ฮีแทไปที่บ้านของจางซอกชอลและได้พบกับแม่ของเธอ ซึ่งบอกว่าซอกชอลไม่ส่งเงินมาให้พักใหญ่ ทำให้น้องชายไม่ได้ไปโรงเรียน ฮีแทจึงบอกว่าจางซอกชอลได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการประท้วงที่โรงงาน เธอจึงไม่สามารถทำงานได้ จากนั้นฮีแทได้มอบเงินจำนวนหนึ่งให้แม่ของเธอ
อีซูชาน (พี่ขายซูรยอน) ไปบริจาคเงินให้โรงพยาบาล และเขาได้ชวนมยองฮีออกไปไดนิ่ง แต่เธอปฏิเสธเพราะมีนัดกับฮีแทแล้ว เดตครั้งที่สองนี้ ฮีแทพามยองฮีไปที่ร้านอาหารหรู มยองฮีจึงแสดงท่าทางแปลก ๆ เพราะใช้อุปกรณ์บนโต๊ะไม่เป็น ฮีแทจึงเรียกบริกรมาอธิบายเพื่อไม่ให้เธอเสียหน้า แต่ให้บังเอิญว่ามีหมอที่ไม่ค่อยชอบหน้ามยองฮีมานั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ และพูดจาไม่ดีให้มยองฮีเสียหาย ฮีแทจึงเดินเข้าไปแกล้งแล้วจ่ายเงิน
ขณะที่มยองฮีรีบออกจากร้านจนหกล้มขาเจ็บ ฮีแทจึงช่วยอุ้มเธอ แต่เธอไม่ยอมไปโรงพยาบาลเพราะกลัวเขาจะรู้ว่าเธอไม่ใช่ซูรยอน ทำให้ฮีแทไปซื้อยามาปฐมพยาบาลให้ที่สวนสาธารณะ ซึ่งดอกไม้กำลังผลิบานในฤดูใบไม้ผลิ แล้วทั้งสองก็ได้คุยทำความรู้จักกันมากขึ้น ฮีแทเล่าเหตุผลที่เลิกเรียนหมอ เขาบอกว่าไปสมัครเรียนที่มหาวิทยาลัยดนตรีเพราะอยากเป็นนักร้อง และวันหนึ่งเขาจะร้องเพลงที่แต่งให้เธอฟัง
ซูรยอนบอกกับมยองฮีว่าไม่ต้องไปเดตแทนเธออีกแล้ว ส่วนเรื่องเงินค่าตั๋วเครื่องบินไม่ต้องห่วง ขณะทั้งสองกำลังคุยกันอยู่ ฮีแทแวะเอาของขวัญมาให้ที่บ้านซูรยอน พ่อซูรยอนเรียกให้ลงมาจากห้อง ทั้งมยองฮีและซูรยอนจึงเผชิญหน้ากับฮีแท จากนั้นเขาก็เดินไปทักทายซูรยอนและยิ้มให้มยองฮี