รีวิว แซด เนชั่น

 รีวิวซีรี่ส์ฝรั่ง  สวัสดีค่ะ ช่วงนี้หลาย ๆ คนได้หยุดอยู่ที่บ้าน ตัวผู้เขียนก็เช่นกัน จึงได้หาหนังใน Netflix ดู โดยส่วนตัวเป็นคนที่ชอบหนังแนว Zombie มาก ๆ จึงลองค้นหาดูก็ไปพบกับหนังเรื่อง Z Nation (แซด เนชั่น) ฝ่านรกเดินดิน นั่นเอง ใน Netflix ตอนนี้มีทั้งหมด 5 Seasons เป็นหนังแนวไซไฟ ผสมตลกปนฮา มีดราม่านิด ๆ รับรองว่าได้ดูกันไปยาว ๆ เลยค่ะงานนี้z

เรื่องนี้เริ่มต้นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว หลังจากมีไวรัสซอมบี้ระบาดไปทั่วทั้งอเมริกา โดยมีผู้รอดชีวิตอยู่กลุ่มนึง นำโดย ร.อ. โรเบอร์ต้า วาร์เรน (แสดงโดย : เคลลิต้า สมิธ)

ซึ่งวาร์เรนต้องพาเมอร์ฟี่ (แสดงโดย : คีธ อลลัน) ซึ่งเมอร์ฟี่เป็นหนึ่งในสามของผู้ต้องขัง Portsmouth Naval Prison ใน Kittery รัฐ Maine ผู้ที่ไม่เต็มใจเข้าร่วมในการทดลองของรัฐบาล และเมื่อเขาได้รับเชื้อไวรัสซอมบี้ เขากลับไม่กลายเป็นซอมบี้ วาร์เรนจึงต้องพาเมอร์ฟี่ไปยังห้องแลปที่แคลิฟอร์เนีย ซึ่งห่างจากนิวยอร์กออกไปไกลถึง 3,000 ไมล์ เพราะทางกองทัพเชื่อว่า ในเลือดของชายผู้นี้ที่มีแอนติบอดี้ จะสามารถผลิตยาขึ้นมาเพื่อที่จะรักษาคนที่ติดเชื้อไวรัสซอมบี้ให้กลับมา

รีวิว แซด เนชั่น

เป็นคนปกติได้เหมือนเดิมพร้อมด้วยเหล่าผู้รอดชีวิตที่มีความสามารถมากมายที่จะต่อกรกับเหล่าซ่อมบี้และผู้ที่จะลักพาตัวเมอร์ฟี่ไปและอีกหนึ่งตัวละครที่คอยช่วยพวกเขาให้ต่อกรกับซอมบี้และผู้ที่จะลักพาตัวเมอร์ฟี่ นั่นก็คือ ไซมอน “Citizen Z” (แสดงโดย : DJ Qualls) ซึ่งเป็นอดีตแฮ็กเกอร์ที่ทำงานอยู่ที่ Northern Light ของ NSA โดยเขาใช้อุปกรณ์ไฮเทคเพื่อช่วยเหลือกลุ่มของวาร์เรนในการเดินทางไปยังแคลิฟอร์เนีย นอกจากนี้เขายังแฮ็กระบบสัญญาณวิทยุ ซึ่งได้ทำการออกอากาศทางวิทยุที่ยังพอใช้งานได้อยู่ เพื่อช่วยเหลือผู้รอดชีวิตคนอื่น ๆ อีกด้วยแต่ทุกคนยังไม่รู้ว่าเมอร์ฟี่ได้เก็บความลับอันมืดดำเอาไว้ซึ่งสามารถทำลายล้างโลกนี้ได้ภายในพริบตาความรู้สึกของผู้เขียนต่อเรื่องนี้ ดูหนัง

รีวิว แซด เนชั่น

เป็นหนังซอมบี้ที่ดูได้ไม่เบื่อ แม้จะมีถึง 5 ซีซันแต่ทุก ๆ ซีซันทำออกมาได้ดีมาก ๆ ตัวละครแต่ละตัวแสดงได้เหมือนจริง ภายในเรื่องสำหรับผู้เขียนนั้นชอบตรงที่ ทุก ๆ คนมาจากต่างที่ต่างถิ่น แต่เพื่อความอยู่รอดจะต้องร่วมมือกันนำตัวเมอร์ฟี่ไปส่ง ถึงแม้จะไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร จะมีหวังหรือไม่ แต่ทุกคนก็พร้อมที่จะช่วยกันฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกัน ช่วงซีซันหลัง ๆ เริ่มเข้มข้นขึ้น เพราะเมอรืฟี่เองก็มีเบบี้ งงกันใช่ไหมคะ เป็นซอมบี้แต่ทำไมถึงมีลูกได้ แล้วลูกที่ออกมาเป็น

ซอมบี้ด้วยไหม ต้องไปติดตามกันนะคะ เนื้อหาส่วนหลังจะออกทะเลไปบ้าง แต่ถือว่าดูเพลิน และทิ้งปมไว้ทุก ๆ ซีซัน ทำให้ผู้เขียนได้แต่รอคอยและหวังให้ซีซันที่ 6 มาไว ๆ แถมยังมีตัวละครเพิ่มขึ้นมามากมาย และหลาย ๆ ตัวละครต้องการเป็นอมตะด้วยการเป็นซอมบี้จากเลือดของเมอร์ฟี่นั่นเอง เลือดของเมอร์ฟี่มีทั้งประโยชน์และโทษแล้วแต่ใครจะนำไปใช้ อีกทั้งยังมีการผลิตอาหารชนิดหนึ่งขึ้นมาทำให้ซอมบี้ไม่คลุ้มคลั่ง ใกล้เคียงมนุษย์ปกติมาก ๆ ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาจะสามารถ

รีวิว แซด เนชั่น

พาเมอร์ฟี่ไปถึงแคลิฟอร์เนียได้หรือไม่ ระหว่างทางจะเจอกับอะไรบ้าง ในกลุ่มของพวกเขาจะเหลือรอดอยู่กี่คน ในโลกใน Z nation จะกลับมาเป็นปกติหรือไม่ วัคซีนจะถูกผลิตขึ้นมาได้หรือป้าว และซอมบี้จะมีการกลายพันธุ์ไหม ขอบอกไว้เลยค่ะว่าต้องไปดูให้ได้เลย เพราะสนุกมาก ดูแก้เบื่อได้ดีเลยทีเดียว ดูกันไปยาว ๆ 5 Seasons สำหรับใครที่มองหาหนังแนวซอมบี้ที่ดูได้ยาว ๆ ต้องไปหาดูกันแล้วค่ะมาในบทสุดท้ายของซีซั่น 5 ที่โลกอยู่ใน “ยุคซอมบี้” มานานถึง 8 ปี เริ่มฟื้นฟูอารยธรรมกลับมาในหลายชุมชน ขณะที่ “มนุษย์” ที่ยังมีชีวิตอยู่ต่างปรับตัวที่จะอยู่กับความเป็นความตายได้ตลอดเวลา

โดยใน Z Nation ขับเน้นว่าถึงเวลาแล้วที่จะเกิด “ผู้นำทางการเมือง” ที่ต้องการฟื้นฟูประเทศขึ้นใหม่ สร้าง “ดินแดนแห่งความหวัง” ขึ้นใหม่ สร้างรัฐบาลที่มาจากประชามติ และการเลือกตั้งมาบริหารดินแดนใหม่ขณะเดียวกัน 8 ปีที่ผ่านมา สภาพแวดล้อมที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ และผลพวงจากวิทยาศาสตร์ล้ำยุค ดูหนังออนไลน์

รีวิว แซด เนชั่น

รีวิว แซด เนชั่น ส่งผลให้ซอมบี้มีวิวัฒนาการมาเป็นซอมบี้ที่ซอฟต์ขึ้น เรื่องเล่าของซีรีส์จากนี้อาจจะดูเพ้อเจ้อ ตลกประสาหนัง นั่นคือการวางพล็อตให้ซอมบี้มีวิวัฒนาการที่พูดได้ มีความรู้สึก ทั้งรัก โกรธ และสื่อสารได้ไม่ต่างจากมนุษย์ เพียงแต่ไม่ใช่มนุษย์ เพราะไม่มีชีพจร ซึ่งในซีรีส์เรียกซอมบี้ที่มีวิวัฒนาการแบบนี้ว่า “ทอล์กเกอร์”

“ซอมบี้ทอล์กเกอร์” ดำรงชีวิตด้วยการกินขนม “บิสกิต” สูตรลับพิเศษที่มนุษย์ผลิตขึ้น เมื่อได้กินอย่างสม่ำเสมอก็จะไม่กลายเป็นซอมบี้อาละวาดไล่ล่ากินคน แต่จะมีชีวิตเหมือนมนุษย์ทั่วไป อยู่ในสังคมเดียวกับมนุษย์ได้เหมือนปกติพล็อตนี้นำมาสู่ประเด็นในซีซั่นสุดท้ายของ Z Nation คือการที่ “โลกยุคใหม่” หลังเหตุการณ์วันสิ้นโลกผ่านไป และเป็นโลกที่จะเริ่มต้นฟื้นฟูสร้างประเทศขึ้นมา กำลังจะมี “ประชากรสองแบบ” คือ “มนุษย์ปกติ” กับ “ซอมบี้ทอล์กเกอร์”คำถามคือ เป็น “ความแตก

ต่าง” ที่อยู่ร่วมกันได้ในโลกสมัยใหม่หรือไม่“Z Nation” ซีซั่นสุดท้าย คือการพยายามทำให้ “มนุษย์” ที่ยังหลงเหลืออยู่ยอมรับในประชากรกลุ่ม “ซอมบี้ทอล์กเกอร์” และอยู่ร่วมกันในฐานะพลเมืองของดินแดนเดียวกันได้ แม้จะดำรงชีวิตแตกต่างกัน โดยดำเนินการมีส่วนร่วมนี้ผ่านการ “ลงประชามติ”

เพื่อขอฉันทานุมัติที่จะนำไปสู่การเลือกตั้งเพื่อสานต่อแนวคิดการอยู่ร่วมกันบนความแตกต่างนี้นั่นคือ มนุษย์จะต้องยอมรับการมีอยู่ของซอมบี้ทอล์กเกอร์ แม้อาจจะน่าหวั่นใจเรื่องความปลอดภัยบ้าง แต่หากเชื่อมั่นว่าสถานการณ์หลายอย่างเริ่มคลี่คลาย มีซอมบี้ที่มีวิวัฒนาการเข้าใกล้ความเป็นมนุษย์มากขึ้น ดูหนังฟรี

ขณะที่มนุษย์มีหนทางรับมือที่ประนีประนอมได้แล้ว เป็นเช่นนี้เขาเหล่านั้นก็ไม่ได้ต่างจากเราเป็น “Political Correctness” หรือความถูกต้องทางการเมืองที่ซีรีส์สื่อสารออกมาได้น่าสนใจว่า หากต้องฟื้นประเทศขึ้นใหม่ และตั้ง “รัฐบาลใหม่” ผ่านการเลือกตั้ง หลังโลกถูกซอมบี้ยุคเดิมล้างระบบไปแล้วนั้น

จำเป็นมากที่มนุษย์กับซอมบี้ยุคใหม่ที่รัฐมีวิธีควบคุมให้ไม่อันตรายได้แล้ว จะต้องอยู่ร่วมกันให้ได้ และผู้นำทางการเมืองจะต้องทำหน้าที่ “รวมความหลากหลาย” นี้เข้าด้วยกัน มากกว่าเป็นผู้สร้างความขัดแย้งเสียเอง เป็นผู้นำที่สร้างรัฐธรรมนูญที่เข้าใจและคำนึงถึงความแตกต่าง และสิทธิเสรีภาพขึ้นมาแต่เป็นสัจธรรม เว็บดูหนัง

Z Nation

รีวิว แซด เนชั่น ในทุกที่ที่มีการเมืองย่อมมีความขัดแย้ง เรื่องราวในซีรีส์เราจึงได้เห็นมุมมองทั้งคนเห็นด้วย กับไม่เห็นด้วย ว่ามนุษย์จะอยู่ร่วมกับซอมบี้ทอล์กเกอร์ได้อย่างไรใน Z Nation จึงปรากฏผู้นำ 2 แบบ แบบแรก คือผู้นำที่เน้นปกครองด้วยการชูความมั่นคงปลอดภัยของมนุษย์เป็นหลัก และปฏิเสธความหลากหลายของอีกเผ่าพันธุ์ที่อาจดูอันตราย หวาดกลัว จนต้องกำจัดทิ้งหรือขับไล่ไป ขณะที่ผู้นำอีกแบบ ที่เชื่อว่ามีอนาคตรออยู่ ถ้าร่วมมือกันทั้งมนุษย์และซอมบี้ทอล์กเกอร์ก็จะอยู่ด้วยกันได้อย่างเป็นมิตร เพราะทอล์กเกอร์ก็เป็นญาติ เป็นคนรัก

เป็นเพื่อนของใครบางคนที่เป็นมนุษย์เช่นกันเป็นแนวคิด “Political Correctness” ที่ถูกใส่เข้ามาในซีซั่นบทสรุปได้อย่างมีนัยยะว่า บางครั้งเราก็มิอาจแบ่งแยกหรือกำจัดสิ่งที่แตกต่างจากเราไปได้ ด้วยเหตุผลของ “ความกลัว”เฉกเช่นที่ซีรีส์เน้นย้ำว่า “United We Live Divided We Turn”รวมกันเราอยู่

แยกกันเรากลายร่าง (เป็นซอมบี้)ส่วนอีกไทม์ไลน์ในการเล่าเรื่องซีรีส์ไปโฟกัสที่การเดินทางมายังสตูดิโอ The Olympus ของ เลโอ (ราเวล อันดราด) ชายหนุ่มที่แฟนสาวถูกกัดจนติดเชื้อและเขาต้องพา อานา (คาลา รีบาส) แม่ผู้ออกแบบสตูดิโอรายการเรียลลิตีดังกล่าวกลับไปยังบริษัทที่เฉดหัวเธอออกมาเพราะเป็นทางเดียวที่จะสื่อสารกับโลกภายนอกผ่านกล้องที่ถ่ายทอดสดผ่านดาวเทียมไปทั่วโลก

และระหว่างทางนั้นเองพวกเขาก็จำต้องไปร่วมทางกับนักการเมืองอย่าง สส. อัลเบอร์โต เลวี (อีเมลิโอ เดอ มิลโย) พร้อมคริสตินา (จูเลีย ลานิลญา) พีอาร์สาวสวยและ ร็อบสัน (ปิแอร์ ไบเทลลี) ตำรวจสายผงเลือดเดือดเสพติดโคเคน โดยพวกเขาต้องเอาชีวิตรอดจากทั้งฝูงซากศพกระหายเนื้อมนุษย์และสัญชาติญานดิบของคนแม้ Reality Z

จะไม่ได้ให้มุมมองอะไรใหม่ ๆ ในการบอกเล่าหรือทำให้ซอมบี้มีวิวัฒนาการอะไรที่เพิ่มขึ้น แถมยังเป็นงานรีเมกมาจาก Dead Set มินิซีรีส์ของอังกฤษอีกด้วย แต่โดยส่วนตัวในฐานะคนที่ชื่นชอบหนังและซีรีส์ซอมบี้ติดตามแบบหว่านแหทั้งดีและเลว ก็ต้องบอกว่า Reality Z ถือเป็นซีรีส์ที่ดูสนุก มีความน่ากลัว ความแหวะ ในแบบที่ทำได้ถึงใจคอหนังซอมบี้นะครับ ที่สำคัญคือการบอกเล่าเรื่องราวที่ต้องบอกเลยว่า เดาทางไม่ค่อยถูกและตัวละครแต่ละตัวมันก็สามารถนำมาแทนภาพคนในสังคมการเมืองได้เป็นอย่างดี เว็บดูหนังฟรี